โค้งสุดท้าย ปชป.ประกาศชู #saveประชาธิปัตย์ #saveประชาธิปไตยไม่โกง
โค้งสุดท้ายเลือกตั้งปชป.ประกาศชู #saveประชาธิปัตย์ #saveประชาธิปไตยไม่โกง ขจัดนักการเมืองโกง-หลุดวงจรอุบาทว์ต้นเหตุรัฐประหาร
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค นายจิตกร บุษบา ทีมโฆษกเลือกตั้ง ได้ร่วมกันแถลงข่าววันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนางดรุณวรรณ กล่าวเริ่มต้นว่า พรรคประชาธิปัตย์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 78 มีผลงานมากมายและชัดเจนตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน
รวมถึงวิสัยทัศน์และนโยบาย ที่กำลังจะดำเนินการทำต่อไปในอนาคต จึงอยากแสดงจุดยืนเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีโอกาสตัดสินใจ อันเป็นที่มาของแคมเปญ #saveประชาธิปัตย์ เพื่อ #saveประชาธิปไตยไม่โกง ในช่วงโค้งสุดท้าย 3 วัน ก่อนการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาและตัดสินใจบนความถูกต้องในการเลือกพรรคการเมืองด้วยเหตุและผล มากกว่าตัดสินใจเลือกตามกระแส
สำหรับนายองอาจ กล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้กำหนดจุดยืนและแนวทาง รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการหาเสียงเลือกตั้ง 3 วัน ก่อนที่จะถึงวันลงคะแนนเสียงในวันที่ 14 พ.ค. นี้ว่า เกิดขึ้นมาจากในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้สนับสนุนพรรคจำนวนมากเริ่มต้นติด #saveประชาธิปัตย์ เผยแพร่ในแวดวงต่างๆ จำนวนมาก
โดยหวังว่าจะให้ผู้สนับสนุนพรรค สมาชิกพรรค และพี่น้องประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอาจไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น ได้กลับมาช่วยกันรักษาพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้มีโอกาสทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป
นายองอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสิ่งเหล่านี้ พรรคจึงนำเข้าสู่กระบวนการ ฟัง - คิด - ทำ และมาผนวกกับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ และจากการทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงการทำการเมืองด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ภายใต้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการที่จะให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ และเกิดประโยชน์กับประชาชนได้ จะต้องเป็น “ประชาธิปไตยไม่โกง”
“ถ้าเราปล่อยให้ประชาธิปไตยเดินหน้าโดยมีการโกง มีการทุจริต คอร์รัปชั่น จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อไหร่ ระบอบประชาธิปไตยก็คงไม่สามารถตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เพราะประเทศชาติบ้านเมืองจะเต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชั่น และจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติหลายประการ” นายองอาจ กล่าว
พร้อมกับระบุถึงการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีการทุจริต คอร์รัปชั่น จะส่งผลกระทบ 3 ประการ คือ
ประการแรก เมื่อใดก็ตามที่มีระบอบประชาธิปไตย ที่มีการทุจริต คอร์รัปชั่น จะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง และพวกพ้อง จากงบประมาณแผ่นดิน พร้อมกับยกตัวอย่างว่า เมื่อไม่นานมานี้มี ส.ส. จากพรรคการเมืองหนึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี จากการข่มขู่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการเบียดเบียนงบประมาณแผ่นดิน หากมีนักการเมืองลักษณะนี้เข้ามามีโอกาสเป็นบริหารจัดการงบประมาณโดยตรง ก็จะใช้อำนาจหน้าที่เพื่อตนเองและพวกพ้องในการหาผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน ทำให้งบประมาณแผ่นดินซึ่งมาจากภาษีของประชาชนแทนที่จะได้ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะถูกเบียดบัง ฉ้อฉล เอาไปใช้เพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือของพวกพ้องและครอบครัว
ประการที่สอง การที่นักการเมือง หรือผู้มีอำนาจ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เป็นเพราะหวังว่าจะได้นำสิ่งเหล่านั้นมาทำให้ตนเอง หรือพวกพ้องได้กลับเข้าสู่อำนาจอีกในการเลือกตั้งต่อไป ซึ่งเงินเหล่านั้นจะนำมาซื้อ ส.ส. ดูด ส.ส. รวมไปถึงซื้อเสียง และเมื่อตัวเองได้กลับมามีอำนาจ ก็จะใช้อำนาจนั้นแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ในทางการเมือง
ประการที่สาม ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยเฉพาะ 2 ครั้งหลัง จะมีข้ออ้างในการทำปฏิวัติรัฐประหารว่า นักการเมืองทุจริต คอร์รัปชั่น ประเทศชาติ บ้านเมืองมีการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง
พรรคประชาธิปัตย์ จึงตั้งมั่นทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มาโดยตลอด และได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเดิมนั้นไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองแรกที่เรียกร้องให้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ นอกจากนี้พรรคยังริเริ่มให้มีกฎหมายเอาผิดกับผู้กระทำความผิดในคดีทุจริตโดยไม่มีอายุความ และที่สำคัญในการยื่นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงที่ผ่านมา พรรคได้เสนอแก้ไข เพื่อให้มีการตรวจสอบ ปปช. ได้อย่างเข้มข้น การให้อำนาจกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งเรื่องฟ้องเอาผิด หรือไม่นั้น หากประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริงก็จะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมได้
ดังนั้น #saveประชาธิปัตย์ เพื่อ #saveประชาธิปไตยไม่โกง จึงเป็นการส่งสัญญาณไปยังพี่น้องประชาชนว่า การช่วยกันรักษาประชาธิปัตย์ ก็เท่ากับเป็นการช่วยรักษาประชาธิปไตยไม่โกง และรักษาประเทศไทยให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้สามารถเดินหน้าอยู่คู่ประเทศไทยของเราตลอดไป