วัดพลังบ้านใหญ่ "ชทพ." เมื่อ "สุพรรณฯ" อยากเปลี่ยน
จุดโฟกัส เกมเลือกตั้ง ช่วง3วันก่อนชี้ชะตา หลังกระแส "ก้าวไกล" มาแรง "บ้านใหญ่" แต่ละจังหวัดจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ "สุพรรณฯ" ที่เจอกระแส "อยากเปลี่ยน" ถาโถม
นับถอยหลัง 3 วันก่อนถึงวันชี้ชะตา ในศึกเลือกตั้ง ว่า “บ้านใหญ่” หรือ “พรรคในกระแส” จะชิงเก้าอี้ ส.ส.ไปครอบครอง
พื้นที่ที่หลายคนจับตา คือ พื้นที่บ้านใหญ่ ที่เป็นเจ้าถิ่น ครองฐานที่มั่นใจพื้นที่ มาช้านาน เพราะด้วยความศรัทธาของ ต้นตระกูล ซึ่งหลายพื้นที่ ถูกวัดบารมี จาก “พรรคก้าวไกล” ที่เป็นพรรคเพิ่งเกิด แต่กลับพบว่า ได้รับกระแสความสนใจ ติดอันดับ Top2 ในทุกโพลเลือกตั้ง
อย่างพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ที่เป็นฐานที่มั่นของ “ตระกูลศิลปอาชาและเครือข่าย” ได้แก่ สกุลโพธสุธน, สกุลสุจิตต์, สกุลประเสริฐสุวรรณ, สกุลมาตรศรี และ สกุลเที่ยงธรรม
รอบนี้ “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯของพรรค ยอมรับว่า “คนสุพรรณบุรี อยากเปลี่ยน” จากกระแส “คนก้าวไกล” ที่มาแรง แซงทุกโค้ง
ต้องยอมรับว่า “พรรคก้าวไกล”ใน ถิ่นเมืองหลวง พื้นที่เศรษฐกิจและสถานบันการศึกษา ได้กระแสคนรุ่นใหม่ และนิวโหวตเตอร์ ที่ส่วนใหญ่เป็นนักขับเคลื่อนและแสดงเจตจำนงต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ “คนรุ่นใหม่” กำหนดได้
ทว่า แชมป์เก่า “พรรคชาติไทยฯ” ที่ครองสนาม 5เขต ไม่มีใครที่จะยอมแพ้
โดยเฉพาะ พื้นที่เขต1 อ.เมืองสุพรรณบุรี ที่ “เสี่ยยอร์ช- สรชัด สุจิตต์” อดีตส.ส.สุพรรณบุรี ที่อาสาเป็นตัวแทน “วราวุธ” ประกาศป้องกันแชมป์ ไม่ห่วงหรือกังวลกับกระแส “ก้าวไกล” ที่ปลุกให้ประชาชนลุกขึ้นมาเปลี่ยนประเทศ ซึ่งมาแรงในทุกหัวเมือง
และสิ่งที่จะทำให้ “พรรคชาติไทยพัฒนา” รักษาแชมป์ได้ “สรชัด” มั่นใจว่า คือ แผนยุทธศาสตร์ ที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี กำหนดไว้ ต่อเนื่องมาถึงการทำงานดูแลแก้ปัญหาให้คนสุพรรณบุรีของ “สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา”
อย่างไรก็ดี ในการเลือกตั้งปี2562 “สรชัด” ที่ลงเลือกตั้ง เป็นครั้งที่2 นั้น พบกับปรากฎการณ์มาแรงของ “อนาคตใหม่” โดยรอบนั้น “อัศวรักษ์ ผดุงชีวิต” สวมเสื้ออนาคตใหม่ ได้คะแนนเลือกตั้ง25,414 คะแนน ขณะที่ “สรชัด” ได้ 67,149 คะแนน ทำให้ 3 วันสุดท้าย “สรชัด” ประเมินสถานการณ์และแก้เกมเพื่อให้คะแนนนิยมที่เป็นต่อ อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ไม่มีใครชิงคะแนนนำ
“ผมทราบว่ากระแสคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามามีบทบาททางการเมืองและกำหนดอนาคตของบ้านเมืองมาแรง เห็นจากการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ผมทราบดี ดังนั้นตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี2562 ผมดึงคนของอนาคตใหม่ที่ลงเลือกตั้งรอบที่แล้ว มาช่วยงาน ฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการในสภาฯ เพราะตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ให้ร่วมทำกิจกรรมใดๆของพรรค" สรชัด เล่ารายละเอียด
"ผมเห็นว่าการได้คนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือมาช่วยงานจะเป็นทางที่ทำให้บ้านของผมเกิดการพัฒนาในมิติที่หลากหลาย และขณะนี้ผมมีเครือข่ายทำงานเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ร่วมกันออกแบบการพัฒนาเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งผมยินดีและไม่ปิดกั้น ดังนั้นเชื่อว่า แม้กระแสพรรคก้าวไกลจะมีเยอะ แต่ผมสู้ได้” สรชัด ย้ำ
ขณะที่การทำงานที่ต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้ “สรชัด” มั่นใจว่าคือ แต้มต่อทางการเมือง ขณะเดียวกัน ยังมี “คนรุ่นใหม่” ที่พร้อมจะเห็นโหวตเตอร์ให้ เพราะด้วยฐานของ “สรชัด” เป็นนักธุรกิจ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี ทำให้มีโอกาสพบปะและพูดคุยกับ “กลุ่มนิวเจน” ทั้งในระดับเจ้าของกิจการด้านต่างๆ
เขาจึงเชื่อว่า “นิวเจน-นิวโหวตเตอร์” ที่สร้างร่วมมือเป็นเครือข่ายทำงาน จะเป็น “หัวคะแนน” สำคัญในการเลือกตั้งรอบนี้ เช่นเดียวกับ คนมีสิทธิเลือกตั้ง กลุ่มที่เคยได้รับความช่วยเหลือ - แก้ปัญหา จากการทำงานต่อเนื่อง 4 ปีที่ผ่านมา ที่มั่นใจว่าจะไม่แปรพักตร์ หรือ เปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้กับผู้สมัคร หรือ พรรคการเมืองอื่น
ขณะที่ “คู่แข่ง” ซึ่งเสนอตัวลงเลือกตั้งครั้งนี้ แม้มาจากพรรคใหญ่ ทั้ง “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-เพื่อไทย” ล้วนเป็น “คนหน้าใหม่” ที่เพิ่งมาฝากตัว แต่ยังไม่มีผลงาน ซึ่งคนในเขตเมือง ใช้การตัดสินใจเลือก ที่ “ผลงาน" เป็นหลัก
อย่างไรก็ดีในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ที่เป็นจุดชี้วัดสำคัญของคะแนนเลือกตั้ง มักมีกระแสโจมตีจากคู่แข่งเพื่อหวังแย่งคะแนน “สรชัด” ตระหนักดีว่าเรื่องแบบนี้จะมีเกิดขึ้น
ล่าสุดกับคลิปไวรัลของ ผู้นำพรรคก้าวไกล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ บอกว่า “กลัวประเทศเป็นเหมือนสุพรรณบุรี” ประเด็นนี้ “สรชัด” บอกว่าเป็นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองที่คุมกันไม่ได้ พร้อมกับอธิบายในมุมของเลือดเนื้อคนสุพรรณบุรี ว่า ฐานะเป็นคนสุพรรณบุรี ต้องการพัฒนาบ้านตัวเองให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันในฐานะบทบาทของ ส.ส. ได้ทำงานในสภาฯ และตระหนักถึงการทำงานในระดับประเทศได้เช่นกัน
“กรณีที่มีนักการเมืองหยิบฉวยประวัติศาสตร์บางส่วนไปขยายผลโจมตี ผมมองว่าอยู่ที่จริยธรรมของคนเป็นนักการเมืองคนนั้น หากให้ผมตอบ ผมจะบอกว่าสมัยที่นายบรรหาร เป็นนายกฯ เขาคือนายกฯ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน และเหตุที่ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินราคาถูกกว่ารถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะนายบรรหารคิดถึงสิทธิของคนจนที่จะได้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินในราคาถูก” สรชัด กล่าวย้ำ
ในช่วงการเมืองที่ทุกคนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง “สรชัด” ประเมินว่าเป็นความต้องการเปลี่ยนแปลงให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศ ซึ่งในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี เช่นกัน ที่เชื่อว่าสักวันต้องมีคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์เข้ามาทำงานสานต่อเขาเช่นกัน และเขาพร้อมที่จะส่งต่อหน้าที่นี้ให้
แต่ยังไม่ใช่การเลือกตั้งปี2566 นี้ เพราะรอบนี้ “สรชัด” มั่นใจว่า “ชาติไทยพัฒนา” จะไม่แพ้ในถิ่นมังกรสุพรรณบุรี แน่นอน.