"ส.ว." พร้อมโหวต แคนดิเดตนายกฯ พท.-กก. หากรวมเสียงส.ส.ได้มากสุด

นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่ฝ่ายนักวิชาการทำโพลต่อ สิทธิส.ว.กรณีโหวตนายกฯ ว่า อย่าพึ่งหวังต่อการได้เสียงส.ว.สนับสนุนใครเป็นนายกฯ เพราะตามจุดยืนของตนคือ ฝ่ายใดรวมเสียงข้างมาก เกิน 250เสียง จะโหวตให้ฝ่ายนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะเป็นคนของพรรคเพื่อไทย หรือ พรรคก้าวไกล พร้อมโหวตให้

 

"เสียงส.ว.คนอื่นๆ ผมไม่กล้าการันตีจะคิดแบบเดียวกันหรือไม่ ดังนั้นถ้าฝ่ายใดอยากเป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นหน้าที่ต้องไปรวบรวมเสียงส.ส.ให้ได้ถึง376เสียงเอง อย่ามาหวังพึ่งส.ว.  ถ้าได้ไม่ถึง 376เสียง ฝั่งส.ส.ก็ต้องจับขั้วรวบรวมเสียงกันมาใหม่  ส.ส.ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง อย่ามาหวังอะไรกับส.ว. ส่วนที่บอกมีส.ว.อิสระ 50เสียง พร้อมโหวตให้ฝ่ายที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ถึง 250เสียงนั้น ยังเชื่อว่าส.ว.ส่วนใหญ่โหวตไปทางเดียวกัน ส่วนส.ว.กลุ่มอิสระนั้น เอาจริงๆมีไม่ถึง 20เสียง" นายเฉลิมชัย กล่าว

 ทั้งนี้ ในงานเสวนา ‘สมาชิกวุฒิสภาในฐานะหุ้นส่วนประชาธิปไตย’ จัดโดยโดยภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย กลุ่มสันติประชาธิปไตย สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันปรีดี พนมยงค์

 

โดย นายคำนูณ กล่าวว่านายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องได้เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้ง 2 สภารวมกัน คือ 376 เสียง ในการลงมติของตนนั้นขอพิจารณาในวันที่มีการโหวต  และโดยทั่วไปจะต้องเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงข้างมาก  

 

“ในวันเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว. จะเลือกใช้สิทธิอย่างดีที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ไม่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตยิ่งกว่าในอดีต โดยขณะนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวเลขของแต่ละพรรค และพันธมิตรที่รวมกลุ่มกันสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง” นายคำนูณกล่าว

 

ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า การเลือกตั้ง 2566 พบว่าใช้เงินซื้อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีประเด็นที่หนักใจ คือ ส.ว.ถูกจับตาต่อการลงมติเลือกนายกฯ เพราะไม่ว่าเลือกฝ่ายไหน หรือเลือกลุง ความขัดแย้งจะเพิ่มดีกรีขึ้น

 

"การโหวตนายกรัฐมนตรี ผมขอใช้สิทธิที่มี และให้คำสัญญาว่าเสียงของประชาชนคือเสียงของสวรรค์อย่างแท้จริง ดังนั้นอย่ากังวลว่า ส.ว. จะตัดสินใจผิด และลงคะแนนให้กับฝ่ายที่มีคะแนนน้อยจนเกินไป ขออย่าห่วง ว่า ส.ว. จะหลับหูหลับตาโหวตให้แก่เสียงข้างน้อย " นาย กิตติศักดิ์กล่าว