"อภิสิทธิ์" ปลุกปชช. หยุดความกลัว ลั่นปชป.ไม่ใช่"พรรคเสี่ย-พรรคคนแดนไกล"

ในนการปราศรัยพรรคประชาธิปัตย์ ปลุกคนไทย #SAVE ประชาธิปัตย์ เพื่อ#SAVE ประชาธิปไตยไม่โกง” ที่ลานคนเมือง  ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยปิดท้ายว่า  ตลอดชีวิตการเมืองกว่า30ปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครแต่ตนไม่ลงสมัคร และเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ลงสมัครแแต่ปราศรัยปิดเวที แต่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นคนจัดให้ ตนก็ต้องมา

วันนี้ไม่ได้ใส่เสื้อพรรค แต่จะดูว่าอยู่พรรคไหน ขอให้ดูตรงนี้(ชี้ที่หัวใจ) วันนี้แม้ไม่ได้ลงสมัครซึ่งก็ได้อธิบายเหตุผลให้ผู้บริหารพรรครับทราบแล้ว และผมอยู่กับพรรครู้หน้าที่อะไรควรและไม่ควร

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ในชีวิตการเมืองตน รวมถึงนายชวน หลีกภัย จะไม่สามารถไปสู่จุดสูงสุดได้ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ให้ความไว้วางใจนี่ถือจึงเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องตอบแทนพี่น้องประชาชนและพรรคที่สังกัดตลอดไป

ตนยืนยันว่าผู้สมัครทุกคนคือคนที่พรรคได้เลือกสรรแล้วว่าจะทำงานให้พี่น้องประชาชนได้ บัตรสีม่วงทุกคนรู้แล้วใครละเลือกเบอร์อะไร ไม่ว่าจะเบอร์อะไรอยู่เขตไหนขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทุกเขต ส่วนบัตรสีเขียวให้เลือกเบอร์26 

 "วันนี้ผมอาจจะสู้ท่านหัวหน้าไม่ได้ วันนี้อาจไม่ได้อยู่ในฐานะฝ่ายยุทธศาสตร์ที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่อยากจะมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนพรรคอื่นแน่นอนไม่ใช่พรรคของเสี่ย ไม่ใช่พรรคคนแดนไกล หรือพรรคคนใดคนหนึ่ง ความเป็นประชาธิปัตย์ใช่เรื่องบุคคลแต่เป็นเรื่องอุดมการณ์" 

 ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคในขณะที่พรรคอื่นไม่มี แม้แต่นโยบายพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องมาจากหลายหลายความเห็นแล้วมากลั่นกรองให้ได้ข้อสรุป โดยจะต้องเป็นนโยบายที่ยั่งยืนและรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่ต้อง

ด้วยเหตุนี้นโยบายนี้จึงไม่ตื่นเต้น เร้าใจ หรือลดแลกแจกแถมเหมือนพรรคอื่น วันนี้เราเห็นป้ายหาเสียงมากมายแต่เราต้องดูประวัติในอดีตทั้งเรื่องผู้สูงอายุ ซึ่งนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย จนกระทั่งตนเป็นนายกฯได้ดำเนินการต่อเรื่องกองทุนการออม รวมถึงเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องและจนกระทั่งในยุคที่ตนเป็นนายกฯ ปชป.เป็นพรรคที่พูดในเรื่องสิทธิผู้ที่มีอายุเกิน60 ต้องได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ500บาท จนกระทั่งพรรคการเมืองต่างๆนำไปต่อยอด

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ริเริ่มอนุมัติงบอสม.วันนี้พิสูจน์แล้วว่าพาประเทศไทยฝ่าวิกฤติโควิด

 "พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องคุยโม้โอ้อวดแต่ขอให้พี่น้องเข้าใจว่าเราคิดเรื่องเหล่านี้นี้มาก่อนและขอให้รู้ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเราจะทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุด

วันนี้ในระบบบัญชีรายชื่อจะเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าเลือกแล้วไปไม่ถึงบุคลากรอีกหลายคนอาทินายเกียรติ สิทธีอมร  นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ที่เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในวิกฤติต้มยำกุ้ง วันนี้อย่าเอาแค่ความกลัว ความเกลียดแต่ขอให้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด โดยให้ประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ "

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปชป.มีคนรุ่นเก่าตั้งแต่รุ่นนายชวน จนมาถึงรุ่นท่านหัวหน้ายืนยันว่าปชป.มีคนหลายรุ่นที่สั่งสมประสบกาารณ์มา บริหารมาแล้วกี่กระทรวงเป็นผู้นำในการต่อสู้ในฐานะฝ่ายค้านประชาธิปัตย์มีพร้อมตรงนี้อีกหลายคน

รุ่นถัดมาผมเห็นคุณสาธิต ปิตุเตชะ ทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นแค่รัฐมนตรีช่วยแต่เป็นแบบอย่างที่ทุกคนชื่นชม

 ขณะที่คนรุ่นใหม่ ทั้ง  น.ส.วทันยา บุนนาค ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายพงศกร ขวัญเมือง ผู้สมัครส.ส.กทม. น.ส.ตวงทอง ประดิษฐ์พร ผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี นายพศิน ปิตุเตชะ ผู้สมัครส.ส.ระยอง ตนถามว่า ทำไมตัดสินใจมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่กระแส คนรุ่นใหม่ไปอีกทาง ซึ่งการที่เขาตัดสินใจมาอยู่กับพรรค เพราะเขาเห็นว่าปชป.เป็นพรรคที่สร้างคนรุ่นใหม่แน่นอน เขารู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่เถียงหัวหน้าพรรคได้

ขณะเดียวกันเขารู้ว่า การสร้างการเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างมีศิลปะ บางครั้งความพยายามจะเปลี่ยนแปลงโดยไม่เรียนรู้ความละเอียดอ่อน ไม่เรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนต่างวัย ในที่สุดจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง

 วันนี้พรรคปชป.มีคนทุกรุ่นและอาศัยความเป็นคนรุ่นนั้นๆมาช่วยเหลือประเทศชาติได้ทั้งสิ้นมีคนทุกรุ่นอยู่ที่นี่วันนี้อย่าลังเล บัตรเลือกตั้งมี2ใบ

วันนี้ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้ตั้งรัฐบาลแต่เห็นยืนยันได้ว่าเลือกประชาธิปัตย์เราเป็นหลักทางการเมืองได้ และเราจะช่วยฟันฝ่าวิกฤติต่างๆและเราจะทำงานให้พี่น้องประชาชน100%ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงแต่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป  และผมจะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตราบเท่าที่พรรคประชาธิปตย์ยังมีอุดมการณ์ตั้งแต่ผมเกิดจนกระทั่งเป็นส.ส. ยืนยันว่าปชป.เหมือนเดิมแน่นอน วันที่14พ.ค.เลือกพรรคประชาธิปัตย์ กาพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง2ใบ