"สมชาย" เมินโซเชียลกดดัน "ส.ว." โหวต "พิธา" ชี้ยังไม่ถึงขั้นตอน

"สมชาย" เมินโซเชียลกดดัน "ส.ว." โหวต "พิธา" ชี้ยังไม่ถึงขั้นตอน

"สมชาย" เผยสเปค "นายกฯ" คนใหม่ ต้องมีวิสัยทัศน์ เมินโซเชียลกดดันให้เลือก "พิธา" เป็นนายกฯ ไม่กดดันส.ว. ชี้ยังไม่ถึงขั้นตอน

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่กระแสสังคมกดดันการตัดสินใจโหวตเลือกนายกฯ โดยให้เคารพฉันทามติของประชาชนที่สะท้อนจากผลเลือกตั้ง ว่า ตนขอให้ความเป็นธรรมกับ ส.ว. ด้วย เนื่องจากกระบวนการเลือก นายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภานั้น ยังมีขั้นตอนและต้องใช้เวลา ทั้งการรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีกรอบเวลา 60 วัน ซึ่งตนเชื่อว่ากกต.จะตรวจสอบเรื่องร้องเรียนให้แล้วเสร็จ คงไม่ปล่อยให้เข้าสภาฯ แล้วสอยทีหลังแน่นอน จากนั้นเป็นกระบวนการของการเปิดประชุมสภาฯ งานรัฐพิธี หลังรับรองผลเลือกตั้ง 15 วัน จากนั้น ไม่เกิน7วันต้องประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ ต่อจากนั้นคือการเลือกนายกฯ ซึ่งเชื่อว่าจะมีเวลาอีก 2เดือน ดังนั้นจนถึงขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตอนและ ไม่ทราบชัดเจนว่า จะเสนอชื่อใคร เข้าสู่รัฐสภาให้ลงมติ ทั้งนี้ทราบแค่ความเคลื่อนไหวต่อการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง พรรคเพื่อไทย ให้ พรรคก้าวไกลดำเนินการไปก่อน ทั้งนี้สูตรจัดตั้งรัฐบาลยังไม่นิ่ง

“กรณีที่สังคมกดดัน ทำโพลออนไลน์นั้น ผมมองว่าเป็นโพลวิชาการทำได้ แต่จะส่งผลให้ส.ว.ต้องปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ เชื่อว่ากดดันไม่ได้ เพราะส.ว.มีวุฒิภาวะ  ดังนั้นหากไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโกร่งหน้าไม้ ยังมีเวลาอีกหลายเดือน  ฐานะส.ว.ที่มีสิทธิโหวตนายกฯ แต่ไม่มีสิทธิเสนอ หากสภาเสนอมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตจากก้าวไกล หรือเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย หรือเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต จากเพื่อไทย ส.ว.พร้อมพิจารณา เพราะการโหวตของส.ว.หรือของผมไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นขั้วอำนาจเดิม แต่หากวันนี้ เสนอมาแบบนี้ เป็นไปได้ว่า ส.ว.จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ส่วนจะได้ 60-70 เสียง หรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่เป็นไปได้ทั้งหมด” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่าสำหรับสูตรตั้งรัฐบาล 309 เสียง ต้องพิจารณาถึงการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ซึ่งหลังการเลือกตั้งปี2562 นั้นพบว่ามีการแข่งขันตั้งรัฐบาล และ พรรคเพื่อไทย เสนอนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นหากขึ้นตอนตกลงเรื่องนโยบาหากตกลงไม่ได้  เจรจาเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ลงตัว อาจมีการสลับกันได้ ดังนั้นการใช้กระแสกดดันให้ส.ว.แสดงท่าทีนั้นไม่มีประโยชน์ ส่วนกรณีที่ส.ว.บางคนพูดว่า สภาฯ ต้องรวมเสียงกันให้ได้ 376 เสียงจะได้ไม่พึ่งเสียงส.ว. ตนมมองว่าเป็นเพียงการพูดตาเกณฑ์กึ่งหนึ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งเป็นหลักการทั่วไป

 

 

เมื่อถามว่า สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง  จะไม่โหวตให้ขั้วฝ่ายค้านเดิม นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับตนที่เป็นส.ว.มานาน ทำงานมาหลายรัฐบาล ไม่เคยมีปัญหากับการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าฝ่ายเดิมหรือรัฐบาลเดิม ต้องพิจารณา ซึ่งตนมีหลักในการพิจารณาเลือกนายกฯ ทั้งมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีวิสัยทัศน์นำพาประเทศไปสู่การพัฒนา  มีความรอบรู้ นอกจากนั้นต้องดูบริบทรอบข้างคือ การวางตัวรัฐมนตรี และกลุ่มของพรรคการเมือง  ส่วนความเห็นของส.ว.แต่ละคนนั้นเป็นอิสระ

 

“สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ คะแนนนิยมของประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมือง หากรวมกันเสียงเด็ดขาด ส.ว.ต้องยอมม แต่หากรวมกันเสียงก้ำกึ่งแต่หากแบ่งฝ่ายที่เท่ากัน ส.ว.มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ที่บังคับให้ทำหน้าที่ ดังนั้นอย่าบังคับให้เลือกชื่อคนที่คุณเชียร์ ฉันทามติของใครเลือกพรรคไหน เพราะผลเลือกตั้งเลือกประชาชนลงคะแนนให้ทุกพรรค ดังนั้นขอให้แฟร์ๆ” นายสมชาย กล่าว