“ก้าวไกล” ชะลอ ลุยไฟ เลือกกุมอำนาจ ก่อน “ม.112”
เกมนี้บีบก้าวไกล ประนีประนอมตั้งแต่ตั้งไข่ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล มีอำนาจในมือสำเร็จก่อน แต่หลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว แนวทางแก้ ม.112 ยังมีอุปสรรคทั้งเสียงโหวตในสภา การเมืองนอกสภา รวมถึงด่านขององค์กรอิสระ และอื่นๆ รออยู่อีกเพียบ
ถึงนาทีนี้พลพรรคก้าวไกลคงรับรู้ถึงเงื่อนไข และข้อจำกัดทางการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะในความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต่างก็มีประเด็นที่ต้องการผลักดัน อะไรที่คิดไว้ก็ใช่จะได้ทำง่ายๆ
บางอย่างที่เคยปรามาสบางพรรคการเมือง ว่าหาเสียงเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วกลับทำไม่ได้ เช่น ขึ้นค่าแรง 425 บาท ของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 62 แต่พอเข้ามามีอำนาจ เป็นรัฐบาลผสมก็ติดเงื่อนไขจนไม่สามารถทำให้เป็นจริง
เมื่อเจอเกมต่อรองกระทรวงสำคัญจากพรรคร่วม แม้พลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่นโยบายหลายอย่างก็ไม่มีอำนาจผลักดันได้อย่างเต็มที่ ต้องปล่อยเลยตามเลย เพื่อให้ภาพใหญ่เดินหน้าได้
ไม่ต่างกับก้าวไกล ในปี 66 นโยบายแก้ไข ม.112 ที่ใช้หาเสียง เมื่อถึงคราวเจรจาจัดตั้งรัฐบาลก็กลายเป็นอุปสรรคในตัวมันเอง ที่ไม่สามารถดันทุลัง ยัดไว้ใน MOU ได้ เพราะเท่ากับมัดคอพรรคร่วมอื่นๆ หลายพรรคก็ชัดเจนว่าไม่แก้ไข จนแฟนด้อมส้มเคลื่อนไหวกดดันผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “หมดเวลาสู้ไปกราบไปแล้ว #112ไม่แก้ไม่มีกู
ในอนาคตทางก้าวไกลจึงต้องสวมบทฉายเดี่ยวเสนอกฎหมายเข้าสภาในนามพรรคโดยตรงเพราะแรงกดดันจากโหวตเตอร์มีอิทธิพลอย่างมาก ในประเด็นเผือกร้อนแบบนี้ ที่ดูเหมือนก้าวไกลจะต้องแบกรับลำพัง การจะเดินหน้าก็ไปสุดได้ไม่ง่าย จะหยุดหรือถอยก็ไม่ได้เหมือนกัน
จับสัญญาณเพื่อไทย พี่ใหญ่ แต่ไซส์พรรคอันดับ 2 ก็มองอนาคตออก การแก้ ม.112 จะพาไปพบเจอกับอะไร เลยรู้ว่าจะประคองตัวในเกมนี้อย่างไร ในจุดยืนไม่แก้มาแต่ต้น
เกมนี้จึงบีบก้าวไกลให้ประนีประนอมตั้งแต่ช่วงตั้งไข่ เพื่อให้ภาพใหญ่คือการจัดตั้งรัฐบาลและมีอำนาจในมือสำเร็จก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว แนวทางการแก้ม.112 จะเกิดได้ง่ายอย่างใจคิด ยังมีอุปสรรคทั้งเสียงโหวตในสภา การเมืองนอกสภา รวมถึงด่านขององค์กรอิสระ และอื่นๆ รออยู่อีกเพียบ
การจะฝ่าแต่ละด่านต้องเรียกว่าลากเลือด ไม่เว้นแม้แต่การประนีประนอมทำความเข้าใจระหว่างก้าวไกลกับด้อมส้ม ที่ฝากความหวังไว้สูง ก็เป็นเรื่องของก้าวไกลที่ต้องเคลียร์ใจแฟนด้อมเป็นระยะ ไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนใจไปให้คนอื่น