สรุปดราม่า หมอชลน่าน - น.ต.ศิธา จากปมเดือด Advance MOU

สรุปดราม่า หมอชลน่าน - น.ต.ศิธา จากปมเดือด Advance MOU

สรุปเหตุการณ์ดราม่าจากปมเดือด Advance MOU ระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (หมอชลน่าน) และ น.ต.ศิธา ทิวารี สรุปไล่ลำดับเหตุการณ์สำคัญๆ

สรุปเหตุการณ์ดราม่า จากปมเดือด Advance MOU ระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (หมอชลน่าน) หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย เกิดอะไรขึ้นบ้างซึ่งทาง ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้สรุปไล่ลำดับเหตุการณ์สำคัญๆมาให้

เริ่มจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาล ของ 8 พรรคร่วม ซึ่งในช่วงหนึ่ง น.ต.ศิธา ทิวารี ได้ยกมือตั้งคำถามโดยมุ่งเป้าไปที่ พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เรื่องการทำ Advance MOU ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะลง MOU ร่วมกันโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านว่า ทั้ง 2 พรรคจะอยู่ด้วยกัน ไม่แยกออกจากกันโดยเฉพาะพรรคอันดับ 1 และ 2 หรือรวมถึงพรรคอื่นๆด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ห้องแถลงข่าว หมอชลน่าน ได้ตอบประเด็นนี้ว่า ตนไม่อยากใช้คำว่า Advance MOU เนื่องจากคำถาม ถามอธิบายแล้วก็ตอบอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว สิ่งที่เรายึดมั่น เราเชื่อมั่นว่าเราเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้น ภารกิจที่เรารับมอบจากประชาชนเราก็จะทำให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของพี่น้องประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตย อะไรที่บิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนในรัฐธรรมนูญ เราก็พยายามที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ส.ว. ชุดนี้จะหมดวาระในอีก 1 ปี ถ้าเราสามารถที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทัน และพยายามทำรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน มีความสมดุล ที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วม เราก็มั่นใจตรงนั้น

23 พ.ค.2566

ต่อมา หมอชลน่าน ได้พูดถึงเรื่องนี้ในรายการ "อยากมีเรื่องคุย" ซึ่งได้ตำหนิ น.ต.ศิธา เกี่ยวกับคำถามเรื่อง Advance MOU ในการแถลงข่าวโดยบอกว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่สำหรับคำถามของ น.ต.ศิธา เพราะไม่ได้เป็นสื่อ แต่ไปคาดคั้นอย่างนี้ นอกจากนั้นตัวเองเป็นพรรคร่วม ตนคิดว่าการกระทำดังกล่าวถือว่า เสียมารยาทอย่างยิ่ง พร้อมฝากคุณหญิงสุดารัตน์ด้วย

เราจะจับมือเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราถือเสียงข้างมากอยู่ ตราบใดเราเกาะเกี่ยวกันอย่างนี้ ไม่มีทางเป็นพรรคฝ่ายค้าน ใครจะมาตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งกับเรา ซึ่งคำถามพุ่งเป้ามาที่พรรคเพื่อไทย ถูกสังคมข่าวสารกระหน่ำซ้ำเติมตลอด ตนตอบครั้งที่ 501 เรายืนยันสนับสนุนพรรคก้าวไกล ข่าวที่ออกมาไม่เป็นประเด็น ความจริงพรรคเพื่อไทยบวกกับก้าวไกล 293 เสียง มันไม่มีทางเป็นฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาลได้อย่างเดียว พรรคไหน จะมาแย่งจัด เอาความเป็นจริง อย่ามโน

 

ในเวลาต่อมา น.ต.ศิธา ทิวารี โพสต์ตอบโต้เรื่องนี้ระบุว่า ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาฝากถึงผมในมุมของการเสียมารยาทนั้น ขออนุญาตชี้แจง ดังนี้

ในการแถลงข่าวเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ผมได้ตั้งคำถามไปยัง 8 พรรคการเมืองว่า “ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกของ รธน.60 โดยกำหนดให้ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ด้วยการเซ็น #AdvanceMOU อีก 1 ฉบับ ระบุว่าท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย (หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม) ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม” ได้หรือไม่

เนื่องจากการแถลงข่าวยืดเยื้อเกินเวลา ผมจึงบอกว่า “จะตอบทั้ง 8 พรรค” หรือ “จะตอบเฉพาะ 2 พรรคใหญ่” คือ ก้าวไกล และ เพื่อไทย เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ได้ คุณพิธา ได้กดไมค์ตอบผมทันที ว่าเป็นไปได้ที่จะลงนามใน Advance MOU ร่วมกับในอนาคตอันใกล้ ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบคำถามผม แต่ได้ตอบคำถาม ที่นักข่าวฝากให้ผมถามให้ ผมจึงได้ย้ำคำถามไปอีกครั้ง ผมก็ได้รับคำตอบจากคุณพิธาคนเดียว ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบเช่นเดิม

เมื่อถึงจุดนี้ผมพอจะเข้าใจว่า คำถามของผมคุณหมอชลน่านไม่ได้ลืมที่จะตอบ แต่อาจเป็นคำถามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอึดอัดที่จะตอบ ผมจึงยุติการตั้งคำถาม หลังจากแถลงข่าวเสร็จ เราก็ไปนั่งทานข้าว และพูดคุยชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น โดยที่คุณหมอก็พูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ได้มีการคาดคั้น หรือชี้แจง จากทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด

“ผมไม่ทราบว่า หลังจากนั้น คุณหมอโดนใครตำหนิ หรือไปรับบรีฟจากใครมา อยู่ๆวันนี้จึงงัวเงีย ออกมาพูดกับสาธารณชนว่า เป็นการเสียมารยาท และฝากหัวหน้าพรรคฯมาอบรมผม ด้วย โดยในมุมมองผมนั้น ทั้งตามมารยาทที่คุณหมอหยิบยกมาอ้าง และเนื่องจากที่เป็นลูกผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นั้น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราก็ควรจะพูดคุยด้วยอารมณ์และความรู้สึก และ Messages เดียวกัน ไม่ใช่ดื่มกิน ชื่นมื่นกันเป็นชั่วโมง แต่พอวันรุ่งขึ้นกลับตาลปัด มาพูดถึงกันในเชิงลบ ผ่านสื่อมวลชนเช่นนี้”

สำหรับผมการที่พรรคการเมืองจะออกมายืนยัน เพื่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนนั้น มันยิ่งใหญ่กว่าการเสียมารยาทของผมเพียงแค่คนเดียวมากนัก ดังนั้นการที่ผมจะเอาตัวเองเข้าแลก เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เช่นนี้ ผมไม่ได้กังวลต่อคำสบประมาท ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่อย่างใด ถ้าจะให้พูดให้เคลียร์คัท “ผมไม่ได้กลัวการเสียมารยาท มากไปกว่า กลัวการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ” เลย

ส่วนในมุมการรักษามารยาท ที่คุณหมอกำหนดบรรทัดฐานมานั้น เมื่อทราบความอึดอัดของหมอชลน่านเช่นนี้ ผมก็คงไม่ไปถามอะไรถึงเรื่องนี้อีก ในทำนองเดียวกัน หากหลังจากนี้มีประชาชนผู้ลงคะแนน ให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมร่วม 25ล้านคน หรือสื่อมวลชนทั่วไป จะมีใครไปถามหมอแทนประชาชน ถึงจุดยืน Advance MOU นี้อีก

“ผมก็หวังว่า ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะรักษามารยาท ด้วยการตอบคำถามต่อพี่น้องประชาชนด้วยครับ”

หมอชลน่าน ได้ให้สัมภาษณ์พูดถึง น.ต.ศิธา

สิ่งที่ตนต้องตำหนิเพราะ น.ต.ศิธา คือผู้ที่อยู่ในวงที่ร่วมร่าง MOU อยู่ด้วยกัน และอยู่ในคณะทำงานพรรคไทยสร้างไทย และเขามีส่วนในการเสนอแก้ไขและปรับปรุงตัวร่าง MOU เยอะมาก ฉะนั้น อะไรที่พูดในวงปรึกษาหารือก็ควรจะพูดว่าคุณเป็นคนใน ถ้าเป็นสื่อมวลชนถามตนก็ยินดีและพร้อมที่จะตอบ แต่ลักษณะการถามเช่นนี้จากคนในก็ยากที่จะประเมินวัตถุประสงค์

ผมขอเพียงว่าให้เรามีมารยาทต่อกัน แต่หากเขาเป็นคนภายนอกแม้จะอยู่ในพรรคไทยสร้างไทย ที่ไม่ได้อยู่ในวงร่าง MOU ด้วยกัน ผมจะไม่ตำหนิเขาเลย เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะถาม แต่นี่คุณเป็นคนร่างและพิจารณา MOU ด้วยกัน แล้วการที่คุณไปถามเช่นนั้นคืออะไร ซึ่งคำถามนี้ก็ไม่ได้เป็นคำถามเชิงบวก เรากำลังมุ่งจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน MOU ที่เราเขียนก็ชัดเจน

หมอชลน่าน กล่าวต่อว่า น.ต.ศิธา ยังระบุว่า ตนไปพูดลับหลัง นั่งรับประทานอาหารและดื่มร่วมกันทำไมไม่พูด ด้วยความสัจจริง งานเลี้ยงเขาจัดอย่างเป็นทางการ และจัดโต๊ะให้นั่งตามลำดับ ตนนั่งข้างซ้ายของ พิธา ส่วน น.ต.ศิธา นั่งฝั่งขวาถัดไปอีกประมาณ 5-6 เก้าอี้ ตั้งแต่ตนกระซิบตำหนิว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดและถาม ซึ่งเมื่อลงมาแล้วตนได้ไปตบบ่าและให้กำลังใจ น.ต.ศิธา เพราะรู้สึกว่าอาจจะตำหนิเขามากเกินไป แต่การที่มาใส่ร้ายว่าโดนไปรับบรีฟ นี่เป็นเรื่องใส่ร้าย 

ถ้า น.ต.ศิธา ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ คิดว่าการทำงานร่วมกันคงลำบาก คุณต้องพูดความจริง ถ้าคุณเป็นนักการเมืองที่มาจากประชาชน ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริง จะไม่ไปว่าอะไร แต่ในส่วนที่บอกว่ากินดื่มชนแก้วนั้นไม่เป็นความจริง เพราะผมเลิกดื่มนานแล้ว ทางแกนนำเข้าชนแก้วแค่เป็นพิธี หากจะดราม่าเกินไปไม่ดี ผมพร้อมให้อภัยกับทุกคน และไม่เคยโกรธใครอยู่แล้วแค่ขอให้พูดความจริง อะไรที่ทำแล้วไม่เหมาะไม่ควร แค่ขอโทษกันก็จบ อย่าไปสร้างเรื่อง พอจะหมายถึงการทำงานร่วมกันจะไม่ราบรื่น เรื่องเล็กอย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่

หมอชลน่าน ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง

ตนไม่สบายใจ ถ้าพรรคแกนนำไม่จัดการเรื่องนี้ ต้องจัดการพรรคร่วมให้อยู่ในร่องในรอยถ้าเห็นเขาสำคัญ แล้วเห็นตนไม่สำคัญ ก็คงต้องย้อนถามกัน นี่คือสิ่งที่ตนพยายามจะสื่อสาร

เป้าหมายหลักของเราคือ การจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ควรมาเป็นประเด็น ถ้าเขาสำนึกได้ เขาขอโทษก็จบ และมันเป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่ต้องมาเคลียร์เรื่องนี้

ตนเป็นผู้ใหญ่พอ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และเมื่อวานนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ก็ขอโทษก็จบแล้ว ตนไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่า น.ต.ศิธา ไปโพสต์ขยายความว่า ตนเองถูกบรีฟ ถูกกดดัน นั่งกินเหล้าด้วยกัน นั่งสังสรรค์กัน นี่คือสิ่งที่ตนไม่พอใจ แต่ถ้าวันนี้ เขาขอโทษมา ก็ไม่ติดใจ ก็สำนึกบ้างว่า เราทำอะไรไปบนพื้นฐานอะไร คือ มันไม่ได้เกิดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เราก็เลยอ่านเจตนาเขาออกว่า เขาต้องการอะไร ผมไม่ทราบว่า เขาต้องการอะไร แต่การแสดงออกแบบนั้น ทำตัวว่าเป็นผู้แทนของประชาชนมาบอกว่า ต้องการให้กำจัดเผด็จการด้วยการผูกมัดกัน มัดกันเป็นฝ่ายค้าน 

ผมก็บอกว่า มันเป็นเรื่องไร้สาระนะ เสียงข้างมากขนาดนี้ จะไปมัดกันเป็นฝ่ายค้านทำไม ทำไมไม่มัดกันเป็นรัฐบาลล่ะ คือคำถามมันก็ไม่ใช่แล้ว สถานะมันก็ไม่ใช่ ยอมรับจริงๆวันนั้นผมมีอารมณ์ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าเขา คุณทำตัวให้ถูก คุณว่า คุณจะเป็นสื่อ หรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เอาให้แน่ ผมตำหนิเขาเลยนะ และไปกล่าวหาว่า โดนกดดันโดนบรีฟ ผมยิ่งโกรธใหญ่เลย มันหมายถึงว่า ดูหมิ่น ด้อยค่า ทั้งตัวผมและพรรคผมด้วย เจตนามันบ่มว่า เขาทำอะไร เพื่ออะไร แต่ถ้าเขาขอโทษ ผมจบนะ ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เข็มมุ่งเราคือจัดตั้งรัฐบาล

น.ต.ศิธา ต้องขอโทษในรูปแบบใด

หมอชลน่าน กล่าวว่า แบบใดก็ได้ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาสำนึก โดยฝากพรรคแกนนำ อย่าให้เรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆมาบั่นทอนการทำงานร่วมกันของเรา แต่ถ้าเห็น 6 เสียงมากกว่า 141 เสียง ตนก็ยอม ส่วนแนวทางก็แค่อยากให้พูดคุยกันกับ น.ต.ศิธาว่า ขอเถอะ กำลังจับมือจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่ช่วยกันได้ ก็ควรช่วยกันทำ จะไปสร้างฉากสร้างซีนอะไร ก็ไปทำทีหลัง ให้เรื่องนี้จบก่อน ตนว่า พูดแค่นี้มันน่าจะจบ

โดยก่อนที่จะเดินออกจากห้องสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถาม หมอชลน่าน ว่า “ทำไมวันนี้เดือดจัง” ซึ่งทาง หมอชลน่าน ตอบกลับทันทีว่า “ถ้าผมชกได้ ผมชกแล้ว”

น.ต.ศิธา โพสต์ขอโทษ

MOU = เปิดตัวเป็นแฟนกัน 

#AdvanceMOU = จัดงานหมั้น 

ร่วมรัฐบาล = แต่งงานกันเป็นครอบครัว

ผมก็เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนทั่วไปครับ เราทนทุกข์กับการบริหารประเทศแบบลุงๆมา 9 ปี เมื่อมีโอกาสก็อยากจะเชียร์ให้ประเทศไทยของเรา จัดตั้งรัฐบาลที่เป็นครอบครัวประชาธิปไตยที่สง่างามให้ได้ โดยหลายคนมองว่า 8 พรรคนี้เหมาะสมและลงตัวที่สุด

หากคำถามของผมมันล้ำหน้า (Advance) มากเกินไป จนทำให้ไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย 

คนรักกัน เป็นแฟนกันแล้ว คิดเกินเลยไป ก็ต้องถอยหลัง ผิดพลั้งไป ก็ต้องขอโทษ ต่อไปนี้ไม่ล้ำเส้น ไม่เร่ง ไม่บีบคั้น เรามาเดินหน้าต่อแบบพอดีๆ 
ไปด้วยกันครับ #MOU8พรรคร่วมรัฐบาล 

น.ต.ศิธา โพสต์เนื้อเพลง

"อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่าแค่รักกัน อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ"

น.ต.ศิธา พร้อมลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย

พรรคไทยสร้างไทย พูดชัดเจนมาโดยตลอด ว่าเรายินดียกมือสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ได้จับมือกันตั้งรัฐบาล ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล

หากต้องการเสียงของไทยสร้างไทยเข้าร่วมรัฐบาล แต่ติดขัดที่ตัวผม ผมยินดีลาออกจากพรรคให้ทันที ยืนยันว่าเราไม่ใช่เงื่อนไข ที่จะทำให้ ปชต. ต้องหยุดชะงัก ครับ