‘ชูวิทย์’ชี้เกมโหวต ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เกมเริ่มพลิก
‘ชูวิทย์’ มอง‘เพื่อไทย’เปิดทาง ‘ก้าวไกล’เดินสุดซอยตั้งรัฐบาล ชี้เกมโหวต ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เกมเริ่มพลิก แม้มีการลงนามเอ็มโอยูแล้ว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการคมชัดลึก วันที่ 24 พ.ค.66 ถึงการจัดตั้งรัฐบาล ตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยนั้นจะมีโอกาสดีที่สุดเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด ซึ่งตนก็คิดไว้อยู่ในใจแล้วว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่กล้าที่จะบิดพริ้ว
สมุมตินายกฯไม่ได้ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่เป็นนายกฯที่ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย แล้วพรรคเพื่อไทยจะบิดพลิ้วสลายขั้วเอาพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วไปร่วมจับมือกับ "ลุง" คนใดคนหนึ่งและร่วมกับพรรคภูมิใจไทย สูตรออกมา 280 ตัดพรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคเพื่อไทยรวมกับ "ลุงตู่" ไม่ได้อยู่แล้ว
“แต่ไม่คิดถึงขั้นนั้น เพราะว่าถ้าคิดถึงขั้นนั้น อย่าไปตั้งรัฐบาลเลย ขนาด "ประธานสภาฯ" ยังแข่งโหวตกันคุยไม่รู้เรื่องแบบนี้ เพราะจริงๆยังไงสองพรรคนี้ต้องอยู่คู่กัน ถ้าไม่อยู่คู่กัน คุณกล้ามั้ยละลงเลือกตั้งอีกครั้ง ผมว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้า ผมว่าไม่มีพรรคไหนกล้าเพราะว่าพรรคก้าวไกลใช้เงินน้อยที่สุด และเป็นการหาเสียงที่ไม่ได้ลงบ้านใหญ่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นเลือกอีกเขาก็ไม่กลัว คะแนนเขากลับเพิ่มขึ้นมาอีก”
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นสูตรนี้พรรคก้าวไกล ต้องยันไว้ให้มั่นเลยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเอาประธานสภาฯไว้ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งนายกฯใน 2-3 เดือนอาจจะมีการสั่นคลอนหรือในสภาอาจจะมีการสั่นคลอน ตนไม่คาดคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะสลายขั้ว
เมื่อถามว่า ภาพที่เลวร้ายที่สุดอย่างน้อยของพรรคก้าวไกล คือถ้าได้ประธานสภาฯ แม้นายกฯจะไม่ผ่านโหวตหรือหุ้น itv ถูกสอย ก็ยังอยู่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยที่พรรคเพื่อไทย เสนอแคนดิเดตของตัวเอง นายชูวิทย์ กล่าวว่า ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว เพราะว่าเขาไม่ขัด ทุกวันนี้ก็ให้คุณทำ MOU ก็ให้คุณทำ ทุกอย่างปล่อยให้ทำหมด เหมือนกับผู้ใหญ่ที่ดูเด็ก แต่ชิ้นเนื้อสำคัญ ต้องแบ่งรัฐมนตรีสำคัญต้องเอา แต่เรื่องอื่นเขาไม่ขัด
"พรรคก้าวไกลจะเดินแบบนี้ไปตลอด โดยพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้จนสุดทาง ถ้าสุดทางแล้วไม่ได้เป็น ก็ว่าเขาไม่ได้ เพราะว่าเมื่อสุดทางแล้ว คำถามต่อมาคือ พรรคก้าวไกลยังรร่วมรัฐบาลอยู่ แต่ถ้าพรรคก้าวไกล เกิดน้อยใจขึ้นมา ไปเป็นฝ่ายค้านเลย อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง"