‘สมชัย-พรชัย’ชี้ก.ก.-พท.จับมือกันเดินโหวต‘พิธา’ไม่ได้ให้เปลี่ยนตัวเล่น
‘สมชัย-พรชัย’ชี้ ‘ก.ก.-พท.’ต้องจับมือกันเดิน โหวต ‘พิธา’ ไม่ได้ให้เปลี่ยนตัวเล่น เพื่อเปลี่ยนใจ ส.ว. บอกให้รอ พ.ค. ปีหน้า ส.ว. หมดอำนาจโหวตนายกฯ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ.ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต และนายพรชัย เทพปัญญา นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์รายการคมชัดลึก วิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะนำไปสู่ปัญหาการย้ายข้างสลับขั้ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ โดยนายสมชัย กล่าวว่า ตนสนับสนุนแนวทางไม่ข้ามขั้ว คือ 8 พรรค ที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านเดิมจับมือกันให้แน่น แล้วถ้ากรณีเกิดอุบัติเหตุกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือว่าเสียของไปในแง่ของพรรคก้าวไกล เพราะว่าขาดคุณสมบัติของการที่จะเข้าไปแข่งขันได้
“กล่าวคือแข่งขันแล้ว อาจจะแพ้ออกมา แต่เมื่อแพ้ออกมาแล้วสิ่งที่ต้องคิด หรือต้องคุยกันในฟากเดียวกัน เรายังจะยืนยันเสนอชื่อนายพิธา เป็นรอบสองหรือไม่ ถ้าคิดว่าสู้ได้ก็ลองดูสิ แต่ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนตัวเล่น หมายความว่ามีลำดับถัดไป พรรคลำดับสอง จะเสนอชื่อใครเข้าไป และการเสนอเข้าไป ผมยังคิดในมุมที่ดีนะว่า ส.ว. เองอาจจะมีความอ่อนตัวมากขึ้นในที่จะเปิดรับ ใจกว้างมากขึ้นในการที่จะโหวตให้”
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ถามว่าทำไมจะต้องให้สองฝ่ายทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วยกัน ตนคิดว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศ ตราบใดก็ตามถ้าคุณยังไปร่วมกับรัฐบาล ซึ่งมาจากพรรคการเมืองซึ่งอยู่ในฝ่ายรัฐบาลเดิม กระบวนการคิดในการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไม่เกิด จะเป็นการบริหารแบบการแบ่งกระทรวงแบ่งผลประโยชน์กัน
“เราก็เห็นหน้าทางการเมืองเก่าๆ ที่เคยครองอำนาจจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ ดังนั้นจะต้องมีพรรคก้าวไกลเข้ามา ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันการผสานในเชิงของประสบการณ์ระหว่าง"เพื่อไทย"กับ"ก้าวไกล" เพื่อที่จะทำให้เกิดการบริหารประเทศอย่างรอบคอบ อาจจะมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองแล้วหาวิธีการในการที่จะทำให้เกิดความนุ่มนวลในการ take off ต่างๆ จะได้มีมากขึ้น อันนี้ผมว่าน่าจะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะเหมือนเดิม”
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ตนเชื่อสมมติว่าถ้าตัวเล่นตัวที่หนึ่งเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถเล่นได้ ตัวเล่นตัวที่สองที่เสนอเข้าไปในนามอีกพรรคหนึ่งการที่จะได้รับความร่วมมือจาก ส.ว. น่าจะมีมากขึ้น ตนพูดตลอดว่า ส.ว. นั้นไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใครแล้ว คืออย่าไปคิดว่าคนเหล่านี้ถูกแต่งตั้งมาโดยคสช.แล้วยังจะต้องตอบแทนบุญคุณกัน ไม่เหลือแล้ว แล้ววันที่เขาโหวตนายกฯ อีกไม่กี่เดือนประมาณ 7-8 เดือนก็หมดวาระแล้ว
“ดังนั้นผมเชื่อว่าส.ว.เองทุกคนคิดถึงประเทศเป็นหลักต้องการให้ประเทศเดินหน้า แล้วก็การที่ประเทศไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลตัวจริง ยังเป็นรัฐบาลรักษาการเรื่อยๆก็เกิดผลเสีย”
นายพรชัย กล่าวว่า การจับข้ามขั้วอันนี้ต้องขีดเส้นใต้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่เคยออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะกอดคอกับพรรคก้าวไกลจนสุดๆไปเลย ลองนึกให้ดีเขาไม่เคยพูดว่าผลสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ข้ามขั้ว สมมติว่านายพิธา ไม่สามารถเป็นนายกฯได้ ถ้าทางพรรคเพื่อไทย เสนอนายกฯมาเขาจะกอดคอกับพรรคก้าวไกลไปด้วยกันมั้ย หรือจะเตะทิ้งแล้วข้ามขั้วไปเลย
“ฉะนั้นที่แฟนคลับเดินทางมาสนับสนุน หรือติ่งเพื่อไทย พร้อมที่จะให้พรรคเพื่อไทย ข้ามขั้วไปจับพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ ตรงนี้ที่เขาออกมาล่วงหน้า หมายความว่า แสดงให้เห็นว่าทางพรรคเพื่อไทย อาจจะมีโอกาสสลับขั้วไปอยู่ทางนั้นเลย และเขาจะไม่อยู่จนตายไปกับพรรคก้าวไกล เพราะรู้ว่าถึงจับพรรคก้าวไกล แล้วเสนอนายกฯ ถึงจะไม่มีนายพิธาก็ตาม ส.ว. ไม่เอาอยู่ดีเพราะว่า ส.ว. ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล”
นายพรชัย กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะยืนหยัดอยู่พรรคก้าวไกลไปเรื่อยๆ ตนไม่รู้ว่าโอกาสเป็นรัฐบาลระหว่างขั้วนี้จะเป็นไปได้มั้ย ถึงแม้จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีก็ตาม พรรคเพื่อไทยต้องคิดได้แล้วเรื่องการข้ามขั้ว คุณจะคิดมั้ย ตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่เขาแสดงออกถึงพรรคก้าวไกล โดยนายพิธาไม่เป็นนายกฯ ก็พร้อมจะสนับสนุนกันไปมาจนกระทั่งไปไม่ได้จริงๆ แต่ผลสุดท้ายตนว่าไปได้ เพราะพฤษภาคมหน้า ส.ว. ไม่มีอำนาจแล้ว
“ต้องไปอย่างนั้นเลย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางออกของประเทศ ต้องรักษาการไปถึงพฤษภาคมเลย จะเอานายกฯคนนอกมาก็เป็นไปไม่ได้เพราะสองพรรคนี้เขาไม่เอาอยู่แล้ว จะหาทางออกไหนถ้าไม่ถึงพฤษภาคมหน้า ทางออกทางเดียวคือพรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้วไปจับลุงป้อม ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์”
นายพรชัย กล่าวต่อว่า กว่าจะเลือกนายกฯก็สิงหาคม แล้วเราอย่าเข้าใจผิดว่าประเทศเสียหาย ประเทศไม่ได้บริหารโดยนักการเมืองอย่างเดียว ข้าราชการประจำเขาก็บริหารประเทศด้วย แล้วรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีอะไรสำคัญๆก็ขอกกต.ได้ในเรื่องงบประมาณ
“ฉะนั้นขอพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จับมือกันให้แน่นจนกระทั่งถึงพฤษภาคมปีหน้า ต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจนอย่าให้ทุกคนวอกแวก พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ต้องประกาศเลยจะยืนไปถึงพฤษภาคมหน้า”