กางกฎหมาย แกะคำพูด ‘วิษณุ’ วิบากกรรม ‘พิธา-ก้าวไกล’ ชิงนายกฯ-ตั้งรัฐบาล
กางกฎหมาย 3 ประเด็นสำคัญ คดีหุ้นสื่อ 'พิธา' โดนนักร้องให้ถ้อยคำ กกต. หากพ้นสถานะ ส.ส.ยังดำรงตำแหน่งนายกฯได้ แต่อาจพ่วงพ้นหัวหน้า-สมาชิกพรรค ส่ง ส.ส.เลือกตั้งโมฆะ ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่หมด
แม้ว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นำโดยพรรคก้าวไกล จะสร้างภาพลักษณ์ความ ‘แน่นแฟ้น’ โดยเฉพาะ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความมั่นใจและให้เกียรติ 8 พรรคร่วม
ส่วน ‘หมอชลน่าน ศรีแก้ว’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์หวาน ทั้งกอด ทั้งประกบมือเป็นรูปหัวใจ ยืนยันรอบที่ 503 ว่า “ไม่มีดีลล้วง ดีลลับ มีแต่ดีลรัก” สร้างความชื่นมื่นให้แก่บรรดา ‘แฟนคลับ-ด้อมส้ม’ จำนวนมาก
แต่ต้องไม่ลืมว่า นอกเหนือจากเรื่อง 2 คนยลตามช่องหวังจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ยังมี ‘วิบากกรรม’ ส่วนตัวของ ‘พิธา’ หลงเหลืออยู่ในการไต่สวนขององค์กรอิสระ อย่างน้อย 2 แห่งในหลายประเด็นด้วยกัน
1.กรณีคำร้องถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหา ‘พิธา’ ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายเป็นการถือครอง ‘หุ้นสื่อ’ ส่อขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
2.กรณีคำร้องกล่าวหา ‘พิธา’ ไม่แจ้งถือครองหุ้นบริษัท เลอ-บลองค์ จำกัด ของ ‘ต่าย’ ชุติมา ทีปะนาถ อดีตคู่สมรส ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ 2 องค์กรอิสระ ที่ว่ากันว่าตอนนี้เริ่มงวดเข้าไปทุกขณะแล้ว
อย่างไรก็ดีโฟกัสเฉพาะประเด็น ‘หุ้นสื่อ’ ของ ‘พิธา’ พบว่าถูกนักร้องอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และสนธิญา สวัสดี ไปร้องเรียน ให้ถ้อยคำ และส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ ซอยย่อยออกมาได้ 3 ประเด็น
1.กรณีถือครองหุ้นสื่อ ไม่มีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส.
2.ขาดคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรค
3.หากขาดคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรค จะไม่สามารถรับรองผู้สมัคร ส.ส.ได้
3 ประเด็นข้างต้น เป็นผลสืบเนื่องกัน หาก กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลมีคำวินิจฉัยว่า การถือครองหุ้นจำนวน 42,000 หุ้นใน ‘ไอทีวี’ ของ ‘พิธา’ เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) คือกรณีการเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
จะส่งผลให้ ‘พิธา’ ต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ในกรณีที่ผู้กระทำผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่ง และผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หลังจากนั้น ‘พิธา’ อาจพ้นสภาพการเป็นหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคก้าวไกลทันที เนื่องจากจะต้องเป็นไปตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ นอกจากนี้ในข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 12 ระบุชัดเจนว่า สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
ถัดมาหาก ‘พิธา’ พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค เนื่องจากขัดกฎหมายข้างต้น อาจทำให้มีผลย้อนหลังไปตอนคัดตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด เนื่องจาก ‘พิธา’ ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าพรรค จะทำให้การส่งผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ต้อง ‘โมฆะ’ ทำให้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมทุกเขตที่พรรคก้าวไกลส่งผู้สมัคร และมีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กันใหม่
ซึ่งข้อมูลตามกฎหมายข้างต้น คล้ายคลึงกับที่ ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกรัฐมนตรีรักษาการ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลตอนท้ายถึงประเด็น หากมีการร้องในประเด็นเรื่องสมาชิกพรรค จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด”
แต่ไม่ปิดทางหาก ‘พิธา’ พ้นสถานะ ส.ส.ไปแล้ว ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญมิได้กำหนดว่า นายกฯต้องมาจาก ส.ส.หรือสมาชิกพรรคการเมือง แค่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่เสนอต่อ กกต.ก็ย่อมได้
อ่านข่าว: วิษณุ ชี้ เลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ ปมถือหุ้น "พิธา" หากถูกร้องเรื่องผู้สมัคร
อย่างไรก็ดี ‘พิธา’ พร้อมแกนนำ ‘ก้าวไกล’ ให้สัมภาษณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจประเด็น ‘หุ้นสื่อ’ หลายครั้ง และไม่มีความกังวล เพราะเชื่อว่าดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ และเตรียมทีมกฎหมายไว้ชี้แจงโต้แย้งในทุกประเด็น
ทั้งหมดคือ ‘วิบากกรรม’ ของ ‘พิธา’ นอกเหนือจากการขบเหลี่ยมเฉือนคมชิงจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ แล้ว ยังต้องต่อสู้คดีถือครองหุ้นสื่อซ้ำรอย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ‘ศาสดาสีส้ม’
บรรทัดสุดท้ายของคดีนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน ต้องติดตามกันต่อไป