ผบ.ตร.ยอมรับมี "ส่วยสติ๊กเกอร์"จริง เร่งลุยปราบเด็ดขาด
ผบ.ตร.ยอมรับมี"ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก"จริง ผู้ให้คือระบบขนส่ง ผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมตั้งชุดเฉพาะกิจรวบรวมข้อมูล-หลักฐาน
วันที่ 31 พ.ค.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึง "ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก" ว่า ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยเร็วแล้ว
ขณะเดียวกัน ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบร่วมด้วย พร้อมแต่งตั้งพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก ปปป. ที่เป็นนายตำรวจที่มีผลงานเรื่องการปราบปรามการทุจริต มารักษาราชการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อให้ตรวจสอบในประเด็น"ส่วยสติกเกอร์"แล้ว และจะมีการตั้งชุดเฉพาะกิจของตำรวจสอบสวนกลางเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยต่อว่า ยอมรับว่ามีเรื่องส่วยจริงและเป็นเรื่องที่ได้ยินมานานแล้ว อาจหายไปเป็นบางช่วงเวลา แต่เมื่อช่วงนี้กลับมาเป็นข่าวอีกจึงได้สั่งการให้ตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งเรื่องส่วยนั้นมีทั้งผู้รับและผู้ให้ โดยผู้ให้คือ ระบบขนส่ง ส่วนผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องให้ผู้บังคับการ ปปป. เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในทุกมิติ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยถึง การสั่งย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวงเข้ามาปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนั้น เพื่อเปิดทางให้จเรตำรวจแห่งชาติสามารถการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้โดยอิสระ และส่งข้อมูลให้กับคณะกรรมการเนื่องจากจะมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเรื่องตำรวจหรือ ก.ร.ตร. ร่วมพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมยังได้สั่งให้มีการขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น
ส่วนเรื่องส่วยสติกเกอร์อื่นๆเช่น ส่วยสติกเกอร์ลูกเต๋าของแรงงานต่างด้าวที่มีการเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียนั้นก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ซึ่งบางส่วนเป็นข้อมูลเก่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ก็ขอให้ประชาชนที่จะโพสต์แชร์ข้อมูลให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน มิฉะนั้นอาจเป็นการปรักปรำเจ้าหน้าที่ได้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การประกาศสงครามกับส่วยสติกเกอร์ แต่เป็นการปฏิบัติงานตามปกติของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องกวาดล้างส่วยสติกเกอร์ให้หมดไป โดยขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีตำรวจเรียกรับส่วย โดยยังต้องรอผลการตรวจสอบก่อน