‘ชัยธวัช’ คาดไม่เกิน มิ.ย.ยุติศึก ประธานสภาฯ ยันรัฐบาลแห่งชาติไม่ใช่ทางออก

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 ที่สมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการเสนอรายชื่อแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกล ว่า ยังไม่ได้ข้อยุติ คาดว่าไม่เดินกลางเดือน มิ.ย. 2566 จะได้ข้อยุติ และมีความชัดเจนมากขึ้น เป็นไปได้ที่ กกต.จะประกาศรับรอง ส.ส. ส่วนกรณีที่กระแสข่าวก่อนหน้านี้ในเรื่องประธานสภาฯนั้นไม่เป็นความจริง การเสนอรายชื่อประธานสภา ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างก็มีเหตุผล โดยเฉพาะการพูดคุยกัน ที่จะสามารถหาข้อยุติดังกล่าวได้ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุป
    
ส่วนกรณีความคืบหน้าในการเจรจากับ ส.ว. ในเรื่องการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางข้อเสนอ ส.ว. บางคนที่อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า หลังจากเข้าพบกับ ส.ว. เป็นไปในทิศทางที่ดี หลังจากพูดคุยกันจริง ๆ ก็ได้ลดกำแพงลง เนื่องจากได้ตอบคำถามในหลายเรื่องที่ ส.ว.บางคนกังวลใจ และเข้าใจในอีกแบบหนึ่ง หลังจากที่รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกัน ยืนยันว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ส่วนข้อเสนอของ ส.ว.บางคนในประเด็นรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นสิทธิในการแสดงความเห็นส่วนบุคคลแต่ในนามพรรคก้าวไกล มองว่าไม่ใช่ทางออกที่ดี ย้ำว่ารัฐบาลที่ดีไม่ว่าจะเป็นแกนนำจากพรรคการเมืองใด ควรจะมีฝ่ายค้านไว้คอยตรวจสอบถ่วงดุล หากรัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้านเลย จะสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจโดยมิชอบ รัฐบาลแห่งชาติไม่น่าจะเป็นทางเลือกในทางการเมืองหลังจากนี้

เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นกรณีนายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) อาจส่งผลให้จะต้องเลือกตั้งใหม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่น่าจะไปไกลถึงขนาดนั้น จนถึงตอนนี้ก็มีความมั่นใจว่าจะต่อสู้คดีนี้ได้

สำหรับความคืบหน้าในการหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า จัดสรรปันส่วน “ครม.พิธา 1” แล้วหรือไม่ ก่อนที่จะมีการหารือในวันที่ 6 มิ.ย. นายชัยธวัช กล่าวว่า การฟอร์ม ครม.ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้วหลายครั้ง ว่าภายใต้กระบวนการที่จะทำการบ้านล่วงหน้าในการตั้งคณะทำงานและส่งมอบนโยบายเรื่องอะไร ก็จะเข้าสู่กระบวนการแบ่งงานกันทำ โดยกระบวนการนี้จะเป็นหน้าที่สำคัญในการทำงานของแต่ละพรรคก็จะมีส่วนในการรับผิดชอบ บริหารหน่วยงานและกระทรวงไหนบ้าง คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงใกล้ ๆ ที่จะโหวตนายกฯในสภา ส่วนแต่ละพรรคจะมีบทบาทอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค โดยธรรมชาติแล้ว แต่ละพรรคจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้หลังมีการโหวตนายกฯ