‘ชัยธวัช’ เตือนอย่าดึงสถาบันฯปะทะผลเลือกตั้ง เดินสายคุยเอกชน ไม่ล้ำเส้น
‘ชัยธวัช’ ป้อง ‘พิธา’ โต้ ส.ว. ยันสังคมไทยไม่อยากเห็นความขัดแย้งเดิม ๆ เตือนอย่าดึงสถาบันฯ มาปะทะผลการเลือกตั้ง ย้ำปมชิงประธานสภาฯ จบเดือน มิ.ย. ลั่นพรรคมีคนเหมาะสมอยู่แล้ว ไม่หวั่นคดีหุ้นสื่อ ‘พิธา’ เชื่อไร้ปัญหา เดินสายคุย ‘เอกชน-ประชาสังคม’ ไม่ล้ำเส้นบริหารราชการ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว.ออกมาแสดงความเห็นว่าหากยกมือโหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้ บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ว่า อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นความเห็นของ ส.ว.ส่วนใหญ่ เท่าที่ได้พูดคุยหารือกัน ส.ว.ส่วนใหญ่ก็มีเจตนาที่ดี และเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงเกือบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา มากกว่าความขัดแย้ง รวมถึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เริ่มต้นการปฏิรูปอะไรหลายๆ อย่าง อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง ส.ว.หลายๆ ท่าน ก็มีความตั้งใจที่อยากจะเห็นการปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบราชการ การกระจายอำนาจ แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูประบบเศรษฐกิจต่างๆ
เมื่อถามว่า ส.ว.บางคนระบุว่าหากนายพิธาเป็นนายกฯ กลุ่มคนที่จงรักภักดีเตรียมที่จะรวมตัวกันในต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาใน กทม.นั้นเป็นการพูดในเชิงปลุกปั่นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็อาจเป็นมุมมองส่วนตัวของ ส.ว. แต่ทางพรรคก้าวไกล และส.ว.หลายๆ ท่านอาจไม่ได้มองอย่างนั้นก็ได้ ตนคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน และคิดว่าสิ่งที่สังคมไทยไม่อยากจะเห็นก็คือความขัดแย้งทางการเมืองในแบบเดิม ๆ คือการดึง สถาบันฯ มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง และค่อนข้างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะเอาประเด็นสถาบันฯ มาปะทะกับผลการเลือกตั้ง
ส่วนมองว่าเป็นการชี้นำหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นความห่วงใย แต่เรามองว่าสถานการณ์มันไม่น่าจะเดินไปตามนั้น เมื่อถามถึงช่องทางในการเกิดรัฐบาลแห่งชาติ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลายท่านก็ให้ความเห็นไปแล้วว่ารัฐบาลแห่งชาติไม่น่าจะเป็นหนทางในการยุติหรือแก้ไขความขัดแย้ง ในทางกลับกันรัฐบาลแห่งชาติอาจจะกลายเป็นชนวนทำให้เกิดความขัดแย้งก็เป็นได้
เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านในวันที่ 6 มิ.ย.จะมีการหารือเรื่องประธานสภาฯ ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีการหารือเรื่องประธานสภาแต่เป็นเรื่องการทำงานของคณะกรรมการประสานงานในการเปลี่ยนผ่าน ต่อข้อถามว่าพรรคได้มีการหารือเกี่ยวกับตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นประธานสภาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลังจากนี้คงได้พูดคุยกัน เรื่องนี้ก็คงต้องมีความชัดเจนภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล และเพื่อไทย 2 พรรค และเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคที่จะได้พูดคุยกัน สำหรับตัวบุคคลนั้นที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลยังไมได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้เลย เพียงแต่ว่ามีความคิดเห็นจากผู้สนับสนุนบ้างว่ามีใครที่มีความเหมาะสมหรือมีการคาดการณ์กันบ้าง แต่พรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งพรรคมีบุคลากรหลายคนที่มีความเหมาะสมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีการถือหุ้นของนายพิธา กกต.มีการเรียกให้เข้าไปชี้แจงข้อมูลแล้วหรือยัง นายชัยธวัช กล่าวว่า เท่าที่ทราบยัง เราก็รอกระบวนการนั้นอยู่ คิดว่ากระบวนการน่าจะเริ่มหลังจากที่ กกต.ได้รับรอง ส.ส. แล้ว ไม่ได้มีการสอบถามกกต.ภายในแต่อย่างใด เพราะคิดว่ามีระเบียบขั้นตอนตามกฎหมายอยู่แล้ว และคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เมื่อถามว่าหากเกิดปัญหาขึ้นในเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ทางพรรคก้าวไกลได้มีการเตรียมแผนสำรองร่วมกับพรรคเพื่อไทยบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มี เรายังคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงกรณีการเดินสายพบหน่วยงานต่างๆ ทำให้ข้าราชการบางส่วนรู้สึกอึดอัด นายชัยธวัช กล่าวว่า ในข้อเท็จจริง ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ส่วนใหญ่เราก็ไม่ได้พบหน่วยงานราชการด้วย ไม่ได้มีการไปสั่งการอะไรอย่างนั้นแน่นอน ส่วนใหญ่เราพบภาคเอกชน ส่วนเรื่องข้าราชการ ถ้ามีการพูดคุยกันก็คงเป็นการภายในมากกว่าถึงการเตรียมข้อมูล ซึ่งแล้วแต่ความสะดวกของทางราชการเป็นหลัก แต่ตอนนี้เน้นคุยกับภาคประชาสังคม ภาคเอกชน
เมื่อถามว่ามีบางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอยากเสนอให้ก้าวไกลช่วยผลักดัน นายชัยธวัช กล่าวว่า ข้าราชการหลายส่วนก็คาดหวังว่าถ้ารัฐบาลใหม่เข้ามา จัดตั้งแล้วเสร็จก็จะได้มีความชัดเจน มีความพร้อมในการทำงาน และรับรู้ว่ามันมีวาระอะไรที่สำคัญ ๆ ค้างอยู่บ้าง อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติเวลามีการเปลี่ยนรัฐบาล แน่นอนพรรคก้าวไกลดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังอยู่แล้วที่จะไม่ไปล้ำเส้นการบริหารราชการ และการเข้าไปสั่งการข้าราชการทำไม่ได้อยู่แล้ว ตนคิดว่าเป็นการเตรียมตัวบริหารประเทศ และเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า อย่าไปมองเป็นด้านลบ เวลาจะมีรัฐบาลใหม่ ฝ่ายที่จะเป็นรัฐบาลก็ต้องทำการบ้าน อันนี้เป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามถึงกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นว่าการให้รัฐบาลปัจจุบันเก็บของนั้นพรรคก้าวไกลอย่าเพิ่งรีบฝันกลางวันไป นายชัยธวัช กล่าวว่า การที่นายเสกสกลออกมาพูดนั้นตนคิดว่าการทำใจยอมรับมติของประชาชน เป็นทางออกที่ดีที่สุด และจะทำให้ประเทศเดินหน้าอย่างราบรื่นที่สุด ตนเข้าใจนายเสกสกลว่ายังทำใจไม่ได้เท่าไร ยังมีเวลา