“พปชร.” สั่น กระดิ่ง 40 เสียง “พท.” ตามน้ำ ลุยตั้งรัฐบาลส้ม
เกมการจัดตั้งรัฐบาลนาทีนี้ดูจะลากไปจนสุดทาง ตามเงื่อนไขใน MOU ส่วนแผนสอง แผนสาม ยังอยู่ในใจคนแดนไกล อาจจะยังไม่ตกผลึกกระซิบบอกใคร ปล่อยให้ก้าวไกล ลีดไปแบบนี้ก่อน
การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง นำโดยก้าวไกล ยังไม่แน่ชัดว่าจะออกหัวหรือก้อย ในเมื่อจำนวนเสียงส.ว. ที่แสดงเจตจำนงจะยกมือโหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี มีแค่ประมาณ 20 คน ยังขาดอีกประมาณ 40 คน ถึงจะผ่านเกณฑ์ 376 ไปได้
ตรงนี้เลยกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการก้าวเข้าสู่อำนาจ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโน้มน้าว ส.ว. ให้ตัดสินใจมายกมือสนับสนุน ในเมื่อยังมีข้อกังขาถึงจุดยืน และแนวนโยบายที่สร้างความไม่สบายใจอยู่มาก
เลยมีการจับตาเพื่อไทยมาตลอด ว่าจะตัดสินใจประคองตัวเองให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร ท่าทีล่าสุดก็ยังอยู่ในเกมเดิม คือกอดคอร่วมกับก้าวไกลไปให้สุดทาง ตามแผนสูตร1 คือ อุ้ม พิธา เป็นนายกฯ
การจะใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกเกมช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลแทนก้าวไกล ไม่เป็นผลดีในระยะยาวสำหรับเพื่อไทย โดยเฉพาะหากเลือกไปจับกับขั้วเดิม เช่น พลังประชารัฐ หนึ่งในพรรคของลุงใครก็รู้ดี ไม่เว้นแม้แต่คนแดนไกล ว่า เส้นทางนี้อาจจะพาตัวเองไปสู่ความยับเยินในอนาคตกระแสอาจไหลบ่าไปให้ก้าวไกลแบบถล่มทลาย
เกมของเพื่อไทยเวลานี้ จะวอกแวกหรือกลับตัวล้วนแล้วแต่ทำไม่ได้ทั้งสิ้น ต้องเล่นตามน้ำไปให้สุด ส่วนจะหยุดที่การได้เป็นรัฐบาลสมใจ โดยมีพิธา ผงาดนั่งนายกฯ หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
คนสำคัญของเพื่อไทย มองว่าถ้าเกมส์จัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ ถ้าจะพลิกผัน ก็ไม่อยากให้มีสาเหตุเกิดจากเพื่อไทย แต่ถ้ามันจะสะดุดไปไม่ถึงเป้าหมาย ด้วยปัจจัยเฉพาะ หรือปัจจัยแทรกซ้อนที่เจาะจงเกิดขึ้นกับก้าวไกล ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย ถึงเวลานั้นก็ค่อยแก้สถานการณ์กันไป แต่วันนี้ดีลทุกอย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะจับตามองว่าอาจจะได้เห็นแผนสอง โดยมีตัวแปร 40 เสียงของพลังประชารัฐ เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ ผนึกรวมเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมบางพรรค ที่จะมาทดแทนเสียงส.ว. เพื่อฝ่าด่าน 376 ก็ตาม แต่ก็อาจจะได้แค่คิด
แน่นอนว่า ถ้าก้าวไกล ยอมเสียจุดยืน ดึง พลังประชารัฐ หรือประชาธิปัตย์ เข้ามาจะกระทบความนิยมของพรรคขนาดไหน เพื่อไทย เองก็รู้ดี ถ้ากรณีเช่นนี้เกิดขึ้น ยิ่งจะทำให้ไปต่อลำบากและแกนนำบางกลุ่มในพรรควันนี้ก็ชัดเจน เซย์โน ยังไงก็ไม่เอา ไม่เว้นแม้แต่ภูมิใจไทย แต่วันหน้าถ้าอะไรเปลี่ยน ก็ค่อยว่ากันต่อไป
สถานการณ์วันนี้ 8 พรรคจึงน่าจะจูงมือกันไปฝ่าด่านในสภา คือวันโหวตเลือกนายกฯ ให้รู้ดำรู้แดง
ท่ามกลางจังหวะคู่ขนานจากพลังประชารัฐ อย่างธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำภาคเหนือ ที่ให้สัมภาษณ์แฝงนัยยะถึงการฟอร์มรัฐบาล “จากภาพที่เขาประชุมก็ดูราบรื่นดี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แต่อาจจะมีปัจจัยอื่นแทรกก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไป การเมืองวันนี้ต้องดูเป็นวันๆไป ดูภาพรวมไม่ได้ เพราะมันมีปัจจัยหลายอย่าง ถ้ามองแล้วพรรคที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด 151 เสียง ก็ต้องให้โอกาสเขาในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ว่าจะเดินถึงฝั่งหรือไม่ มีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่ถูกร้องเรียนหุ้นสื่อ ถือเป็นประเด็นสำคัญมาก”
ถ้าลองอ่านใจธรรมนัส ก็อาจมีหวังส้มหล่นให้เกมเปลี่ยนมาเข้าทางพลังประชารัฐ หรือกำลังพยายามสื่อสารถึงพรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่ ว่า ถ้าหันมาทางนี้ ยังมี 40 เสียงรออยู่ และประตูบานนี้น่าจะเปิดและไปได้ไกลกว่าเดิม ท่ามกลางความนิ่งสงบของแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่แทบจะเรียกว่าอยู่ในช่วงจำศีลก็คงไม่ผิด
ทว่า เงื่อนไขที่มีพลังประชารัฐอยู่ในสมการ ดูจะยังไม่เข้าตาเพื่อไทยและคนแดนไกลเท่าที่ควรเพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างคนในเพื่อไทยและพลังประชารัฐ จำนวนไม่น้อย ทันเกมผู้กองทุกซอกทุกมุม จะสามารถทำให้ดีลเมกเกอร์ค่ายอื่นเชื่อมั่นเชื่อมือได้จริงหรือไม่ ถ้าจะต้องทำงานใหญ่ร่วมกัน เพราะหลายคนเจอประสบการณ์ตรง เห็นวีรกรรมสไตล์ผู้กองมาแล้วทั้งสิ้น
ดังนั้น เกมการจัดตั้งรัฐบาลนาทีนี้ดูจะลากไปจนสุดทาง ตามเงื่อนไขใน MOU ส่วนแผนสองแผนสาม ยังอยู่ในใจคนแดนไกล อาจจะยังไม่ตกผลึกกระซิบบอกใคร ปล่อยให้ก้าวไกล ลีดไปแบบนี้ก่อน