ปลุก“ด้อมส้ม” สู้ “นิติสงคราม” จุดเสี่ยง ล่ม"รัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย"
ยามนี้ "ก้าวไกล-พิธา" ถูก "นิติสงคราม" เล่นงาน จับตา "ด้อมส้ม" ที่ไม่ยอม จ่อปลุกมวลชนกดดัน งานนี้ถือเป็นจุดเสี่ยง ของการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย ที่ "เพื่อไทย" เตรียมรับไม้ต่อ
อังคารที่ 6 มิถุนายน คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีประชุมและมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ.2566 ตามที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ โดยไม่ระบุวันที่เรียกประชุมรัฐสภา
เป็นขั้นเตรียมการและเตรียมความพร้อม ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ มีการเปิดประชุมรัฐสภา ครั้งแรก หลังจากที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่เชื่อได้ว่า “ไม่มีปัญหาในประเด็นความสุจริตและเที่ยงธรรม” ไม่น้อยกว่า 95% หรือคิดเป็น จำนวน ส.ส. 475 คน จากจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 500 คน
จากนี้ “สลค.” จะต้องประสานไปยัง กกต. สำนักงานเลขาธิการสภา และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นในแง่การปฏิบัติงานของ กกต.จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก ที่หากจะ “ฟรีซ”ว่าที่ส.ส. เพื่อตรวจสอบในแง่ “ความสุจริต-เที่ยงธรรม” ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ต้องไม่เกิน 25 คน
ล่าสุด กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบ 280 คำร้อง โดย “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. ขยายความว่า ในจำนวนนั้นมี 20 ผู้สมัคร ส.ส. ที่ชนะเลือกตั้งถูกตรวจสอบตาม ก่อนจะ “สั่งการ” อย่างใดอย่างหนึ่ง หลังตรวจสอบหลักฐานและเหตุที่ถูกยื่นคำร้อง
ทว่าในสถิติของ กกต.ชุดปัจจุบันที่จัดการเลือกตั้งรอบปี 2562 สั่งให้ “ใบส้ม”และให้จัดเลือกตั้งใหม่ใน 1 เขต คือ จ.เชียงใหม่ เขต 8 ของ “สุรพล เกียรติไชยากร” แต่ต่อมาเกิดคดีที่ปรากฎว่าคำวินิจฉัยของ กกต. ผิดพลาด จนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ดังนั้นในรอบปี 2566 นี้ จึงมีประเด็นให้ชวนคิดว่า กกต.จะกล้าออกคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือตัดสิทธิผู้สมัคร ส.ส.รายใด เพราะพบ หลักฐาน หรือเหตุที่เชื่อว่าทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่
ต่อประเด็นนี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต้องเตรียมตั้งรับว่า หวยจะล็อคที่พื้นที่ของตนเองซึ่งเป็นผู้ชนะเลือกตั้งหรือไม่ และจะมีผลต่อการ “พลิกเกมการเมือง” หรือไม่
กับอีกประเด็น คุณสมบัติของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.ที่ถูกร้องว่าขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) กรณีถือหุ้น ITV ถูกตั้งข้อสังเกตและวิคราะห์จาก “ปิยบุตร แสงกนกกุล“ แกนนำคณะก้าวหน้า ว่า “พิธา” และพรรคก้าวไกล เผชิญหน้ากับ “นิติสงคราม” ที่มีฐานจากการเมืองที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
คล้ายกับชี้ช่องให้ “ด้อมส้ม” เห็นว่ามีอุปสรรคที่ “ก้าวไกล” ไม่สามารถขึ้นสู่ผู้นำประเทศ มาจาก “ฝ่ายตรงข้าม”ร่วมกับเครือข่ายในองค์กรอิสระใช้กลไกของกฎหมายเพื่อสกัดการเปลี่ยนแปลง และมีความพยายามให้ชงเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ที่ “ปิยบุตร” รู้ดีว่า กลไกนี้จะเป็นประโยชน์หรือเข้าทางกับฝ่ายใด
ประเด็นของ “พิธา” ปมถือหุ้น ITV นั้น มีหลายฝ่ายเรียกร้องอยากให้เกิดข้อยุติก่อนบานปลายไปเป็น “หลุมดำทางการเมือง” สกัด การจัดตั้งรัฐบาล ของฝั่งประชาธิปไตยที่ชนะเลือกตั้ง
ที่มีจุดเริ่มจากการโหวตนายกฯ ที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีการเสนอชื่ออื่น นอกจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
ทั้งนี้มีข้อเสนอจาก “อ.เจษฎ์ โทณะวณิก” อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เสนอให้ “แขวน” การรับรอง ส.ส. ของพิธาไว้กอน จนกว่าจะมีข้อยุติเรื่อง “คุณสมบัติ”
ทำให้กลายเป็นคำถามว่า อำนาจของ กกต.จะทำได้หรือไม่ ในเมื่อมาตรา 85 วรรคสี่ กำหนดให้ กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลเลือกตั้งเป็นไปสุจริตและเที่ยงธรรม โดยไม่เกี่ยวกับประเด็นคุณสมบัติแต่อย่างใด
ประเด็นนี้ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. เชื่อมั่นว่า คุณสมบัติพิธาจะไม่ใช่เหตุให้การรับรองส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคก้าวไกล จะถูกแขวนไว้
และตามกระบวนการ “อ.สมชัย” ถอดความตามบทบัญญัติ ประเด็นการขาดคุณสมบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นประเด็นที่ กกต. ต้องพิจารณา ก่อนที่จะรับรองให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. หากปล่อยแล้วพบประเด็น ยังไงต้องรับรองให้เป็นส.ส. ส่วนปัญหาที่เกิดตามมานั้น ต้องส่งให้องค์กรที่มีหน้าที่ชี้ขาด
“ดังนั้น กกต. ไม่มีทางอื่น ต้องรับรอง พิธาให้เป็นส.ส. สำหรับประเด็นคุณสมบัติ อาจจะเป็นปัญหาในการเสนอชื่อให้โหวตเป็นนายกฯในอนาคต” อ.สมชัย ระบุ
ในมุมวิเคราะห์ของฝ่ายที่จับตาการเมือง มองว่า กกต.ต้องรับรองเพื่อยุติข้อขัดแย้งที่อาจมีผลตามมา โดยเฉพาะการสร้างชนวนเพื่อ ปลุกระดมมวลชน
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากแกนนำ-นักเคลื่อนไหวที่สนับสนุน “ก้าวไกล-ก้าวหน้า” ที่ส่งสัญญาณผ่านโซเชียลมีเดีย เตรียม แสดงพลังหากเกม “ยื้อรับรองส.ส.” และ “ยื้อเลือกนายกฯ” ถูกกดปุ่มสตาร์ท เหมือนกับครั้งที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" และพรรคอนาคตใหม่ถูก นิติสงครามเล่นงานจนพ่าย
ทว่า ครั้งนี้การปลุกกระแสต่อต้านด้วยม็อบการเมือง ก็อาจไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน เพราะหากขาดสติ จนเสี่ยงเกิดความรุนแรง ย่อมกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่า ก้าวไกล หรือเพื่อไทยเบอร์ 2 ที่ต้องรับไม้ต่อ.