“อนุทิน” ย้ำ เคารพ “ทักษิณ” เสมอ ไม่ขอจุ้น ตระกูลชินฯ ตัดสินใจกลับไทยหรือไม่
“อนุทิน” ไม่มีความเห็น “ทักษิณ” จะกลับไทย บอกยังเคารพเหมือนเดิม กลับหรือไม่เป็นเรื่องครอบครัว ยืนยันคำเดิม ให้พรรคอันดับหนึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ลั่น ภูมิใจไทย เคารพกติกา ไม่สร้างปัญหา แม้หากมีการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน ก็ไม่ถึงพรรคอันดับสามอย่างแน่นอน จึงไม่กังวล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยใน 16 จังหวัด จะมีผลให้พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ว่า ตนยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็ติดตามข่าวเหมือนกับผู้สื่อข่าว ซึ่งก็มีอยู่หลายเขต
ส่วนมีพรรคการเมืองมาพูดคุยดีลต่อรองทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีครับตอนนี้คุยเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก เพราะเราต้องทำตามมารยาท ซึ่งผู้สื่อข่าวก็เห็นชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทย เคยพูดไว้ว่า หลังการเลือกตั้งแล้วพรรคที่ได้คะแนนสูงสุด จะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยมาที่สามไม่ใช่ที่สอง เราก็ต้องอยู่เฉยๆ
ส่วนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอะไรจะฝากฝังถึงรัฐบาลใหม่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า งานมีความต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนตัวเรื่องที่เป็นนโยบายได้ถูกนำมาปฏิบัติเป็นผลสำเร็จหมดแล้ว และหลังยุบสภา ไม่ได้ให้นโยบายอะไรใหม่กับกระทรวง นับตั้งแต่เป็นรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นไม่มีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องแน่นอน ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โดยงานส่วนใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นงานประจำ ที่ปฏิบัติทุกวัน และยังไม่เคยเห็นประเพณีส่งมอบงานอะไร อะไรที่เป็นเรื่องผูกพันงบประมาณของรัฐบาล เราก็พยายามหลีกเลี่ยง ให้รัฐมนตรีคนใหม่ตัดสินใจ รวมถึงเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะนี้เราก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ส่วนที่มีโพลออกมาว่าอยากได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่เป็นหมอ โดยมีชื่อนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นใครก็ทำงานได้ ถ้าเข้าใจระบบงานบริหารทำได้หมด ซึ่งที่ผ่านมา ประวัติรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งคนที่เป็นหมอและเป็นบุคคลทั่วไป ก็ทำงานมาไม่มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เคยทำงานกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เจ้าตัวประกาศจากกลับเมืองไทยในเดือนกรกฎาคม แต่ครอบครัวไม่อยากให้กลับมาเพราะไม่อยากมีปัญหา มองเรื่องนี้ว่าจะมีผลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ผมก็เคารพท่านเสมอ แต่เรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัว เราไม่ใช่คนในครอบครัว ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของครอบครัว จึงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำว่าการกลับมาหรือไม่กลับมา จะส่งผลต่อการเมืองหรือไม่อย่างไร นายอนุทิน ยืนยันในส่วนของพรรคภูมิใจไทย คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ภายใต้กฎหมายทุกอย่าง
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทย วางหลักในการโหวตประธานสภาฯ อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่วาง ขณะนี้ต้องรอการรับรอง ส.ส. ก่อน ซึ่งเห็นว่าการทำงานของกกต. เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วยังไม่ช้า และในรัฐธรรมนูญให้เวลา 45-60 วัน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในเวลา หากยังไม่ประกาศผล ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะอาจจะต้องมีการนับคะแนนใหม่หรือตรวจสอบคุณสมบัติอีก จึงยังไม่รู้ว่าพรรคใด จะได้อันดับหนึ่งและอันดับสอง พร้อมหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อว่า ไม่กังวลเพราะคงไม่ตกมาถึงพรรคอันดับสาม และคงจะไม่มีพรรคถูกตัดสิทธิ์ จนทำให้พรรคที่มี 71 เสียง(พรรคภูมิใจไทย) กลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ก็เลยไม่กังวล ถ้าเราอยู่เป็นพรรคที่่สองค่อยมานั่งคิด แต่ขณะนี้เรายังเป็นพรรคอันดับสามอยู่
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต. ว่าทำงานล่าช้า แม้จะตามกรอบเวลา แต่ควรจะเร็วกว่านี้ เพราะจะมีผลต่อจำนวนส.ส. และลำดับพรรคการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องข้อกฎหมาย ทำเร็วไปช้าไป แล้วแต่คณะที่ทำงาน แต่ที่เห็นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวันเมื่อวานมีการประกาศว่าจะต้องนับคะแนนใหม่ มีความคืบหน้าเป็นลำดับอยู่แล้ว ตนพูดไม่ได้ว่าช้าไป ถ้าไปถามคนทำงาน เขาก็จะตอบว่ายังอยู่ในกรอบเวลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่อยากให้มีปัญหาดีที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาจะดีที่สุด พรรคภูมิใจไทยไม่ทำอะไรให้มีปัญหาเลยนะ ก่อนจะหัวเราะ เราไม่พยายามเคลื่อนไหว หรือว่ากล่าววิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น เราเคารพกติกา ทำตามมารยาททางการเมืองที่ควรจะทำ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสัมภาษณ์แล้วเสร็จ นายอนุทิน เดินจากตึกบัญชาการ 1 ไปด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อพบนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อมาถึงหน้าตึกนารีสโมสร นายอนุทิน ก็เดินย้อนกลับมาที่หน้าตึกบัญชาการ 1 พร้อมถามผู้สื่อข่าวว่า “ตนเดินมาทำไมเนี่ย” ก่อนจะถามหารถ และถามผู้สื่อข่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาทำงานหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า นายกฯ มาทำงานทุกวันและวันนี้นายกฯ ก็เดินทางเข้ามาทำเนียบฯแล้ว และเมื่อทราบนายอนุทิน ก็ไม่ได้ไปหานายกฯและขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบฯ