'เพื่อไทย' ยันเดินหน้าแก้ยาเสพติด อุดช่องโหว่กฎหมาย คืนอนาคตลูกหลานไทย
'เพื่อไทย' ยันเดินหน้าแก้ยาเสพติด เน้นอุดช่องโหว่กฎหมาย ยึดทรัพย์ จูงใจนำจับ เน้นดูแลผู้เสพ ทำให้กฎหมายสมบูรณ์ คืนอนาคตลูกหลานไทย
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2566 ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า จากรายงาน World Drug Report 2022 ของสำนักงานว่าด้วย ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) พบว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ยาเสพติดมีแนวโน้มอายุน้อยลง เด็กและเยาวชนใช้ยาเสพติดมากกว่าผู้ใหญ่ และใช้ในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กำลังรุนแรงทั่วโลก
ทั้งนี้ เช่นเดียวกับในประเทศไทย ปี 2564 ซึ่งการจับกุมทั้งยาบ้าและยาไอซ์ ยังมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านขนยาเสพติดไปประเทศปลายทาง ยังเป็นสถานการณ์รุนแรงอยู่
พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังคงรุนแรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนเฝ้ารอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขเป็นอันดับ 2 รองจากปัญหาค่าครองชีพ ดังนั้น "เพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป" ด้วย 4 วิธีการดังนี้
1.ปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขาย อย่างเต็มรูปแบบรวมไปถึงการ "ยึดทรัพย์" ของผู้ผลิตและผู้ขาย ไปโฟกัสที่ผู้ค้ารายใหญ่ ทำลายอุปสรรคทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยได้เตรียมเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายยาเสพติดให้ครอบคลุม เพื่อให้การยึดทรัพย์ของผู้ขายยาเสพติด เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ป้องกันการโอนย้ายทรัพย์สินและฟอกเงินในทุกกโดยการนำเอา พ.ร.บ. ปปง. จาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ กฎหมายฟอกเงิน มาใช้ควบคู่กับกฎหมายยาเสพติด เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ภาครัฐ
2.หลักการผู้เสพ คือ ผู้ป่วย ยังคงเป็นหลักการสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพิ่มสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด นำผู้เสพมาบำบัดอย่างจริงจัง สถานบำบัดจะต้องเพียงพอ เมื่อผ่านกระบวนการบำบัดฟื้นฟูแล้ว รัฐบาลก็ควรต้องจัดหางาน ทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นผู้สร้างโอกาส สร้างรายได้แก่ครอบครัวอย่างมั่นคง
3.เพิ่มมาตรการใช้เครือข่ายภาคประชาชนในการรายงานการระบาดของยาเสพติดในชุมชน เพราะมีความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ประชาสัมพันธ์ จูงใจด้วยเงินนำจับตามกฎหมาย 5% โดยมีมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส
4.เปิดการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เพื่อเข้าจัดการทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดอย่างถาวร และเข้มงวดกวดขันการลักลอบขนยาตามแนวพรมแดนในทุกช่องทาง
อย่างไรก็ตาม กรณีล่าสุดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จับกุมเรือขนไอซ์ 900 กิโลกรัม ได้กลางทะเลอ่าวไทย ที่ อ.เสม็ด จ.ระยอง ปลายทางส่งที่ประเทศออสเตรเลีย ในขณะที่ปีงบประมาณ 2566 จนถึงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังจับกุมยึดไอซ์ได้ 16,000 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณมากกว่าปีที่แล้วทั้งปี และปลายทาง คือ ออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า แม้รัฐบาลปัจจุบันจะใช้วิธีการปราบปราม จับกุมและยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด ยังไม่เพียงพอต่อสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน
"พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังคงระบาดรุนแรง และในฐานะคณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด ภายใต้คณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค เราจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การหารือร่วมกัน เพื่อให้การแก้ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คืนความปลอดภัยให้สังคมและคืนอนาคตให้ลูกหลานไทย" ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว