จำคุก 1 ปี "ไผ่ ดาวดิน" ปรับ 6 พัน สาดสี สน.ทุ่งสองห้อง ชุมนุมไล่ "บิ๊กตู่"
ศาลอาญา สั่งจำคุก "ไผ่ ดาวดิน และ ยาใจ ทะลุฟ้า" คนละ 1 ปี ปรับอีก 6,000 บาท นำสาดสี สน.ทุ่งสองห้อง ปราศรัยขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จำเลยอีก 16 คน ยกฟ้อง
14 มิ.ย. 2566 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษา คดีร่วมกันชุมนุม หมายเลขดำ อ.2608/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 1 , นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจ ทะลุฟ้า จำเลยที่ 3 กับพวกรวมทั้งหมด 18 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายฯ ตาม พ.ร.ก.แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฯ
โดยอัยการโจทก์ ระบุฟ้อง ว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 จำเลยทั้ง 18 คนร่วมกันและแยกกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบท โดยร่วมกับพวกรวมประมาณ 50 คน ชุมนุมมั่วสุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณหน้า สน.ทุ่งสองห้อง โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด มีโอกาสติดต่อสัมผัสเชื้อโรค ไม่มีมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้ใช้สีสาดใส่ป้ายชื่อ สน.ทุ่งสองห้อง ผนังตึกอาคาร พื้นทางขึ้น สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 1 ใช้เครื่องขยายเสียงสั่งการ ยุยง ชักชวน ส่งเสริม ให้ผู้ร่วมชุมนุมกระทำผิดโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งพวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
โดยในวันนี้ นายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน และจำเลยทุกคนเดินทางมาศาล และกล่าวเข้ารับฟังการพิจารณาคดีว่า สําหรับการกระทบกระทั่งในวันนั้น คือการสาดสีและการวางรั้วเหล็ก ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เหตุมาจากการที่ไปทวงถาม เครื่องเสียงและรถยนต์ แต่กลับถูกจับดําเนินคดี ทั้งที่เหตุการณ์วันดังกล่าวนั้นไม่มีอะไรเลย
ทั้งนี้ ภายหลังศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 18 และบุคคลอื่นอีกรวมกัน 29 คน ถูกคุมขังในคดีอื่นที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ตั้งอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ต่อมามีการขอปล่อยชั่วคราวและศาลอนุญาต จากนั้นจึงได้นัดมาปล่อยตัวชั่วคราว ที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยมีการนำจำเลยและผู้ต้องหาอื่นนั่งรถ 6 ล้อมาด้วยกัน
เมื่อถึง สน.ทุ่งสองห้อง ตำรวจได้แจ้งให้มารับรถของพวกจำเลย ที่ถูกตำรวจยึดไว้จำนวน 7 คัน ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. 64 ซึ่งระหว่างรอรับรถ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ และจำเลยทั้ง 18 คน จะรอรับรถเพื่อจะนั่งไปด้วยกัน และจะไปชุมนุมกันต่อที่หอศิลป์กรุงเทพ ฯ จำเลยที่ 1 ได้ผลัดกับเพื่อนปราศรัยโจมตีการทำงานรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการปราศรัยดังกล่าวอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ไม่มีพฤติการณ์ก่อความวุ่นวาย ไม่มีได้เป็นการจัดการชุมนุม อีกทั้งกลุ่มจำเลย ใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างพอสมควร จึงไม่มีความผิดตาม มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ต่อมาเมื่อได้รับรถยนต์แล้ว ก่อนกลับได้มีการนำสีแดงมาสาดบริเวณ รั้ว ป้าย บันไดหน้าอาคาร สน.ทุ่งสองห้อง เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่ได้เป็นไปตามการแสดงเชิงสัญลักษณ์ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ เป็นการทำให้สถานที่ราชการเกิดเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไม่เหมาะสม
โดยมีพยานโจทก์ระบุว่า นายจตุภัทร์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการ และ จำเลยที่ 3 เป็นผู้สาดสี ซึ่งตรงกับหลักฐานภาพถ่าย แม้จำเลยที่ 1 จะปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งการ แต่มีพยานและหลักฐาน ที่แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด เจือสมกับที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่าเป็นสีน้ำ ล้างออกง่าย
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 , 3 มีความผิดตาม ป.อาญา ม.360 จำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 6,000 บาท แต่ไม่ปรากฎว่า จำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ให้ชำระค่าปรับ หากไม่ชำระค่าปรับ ให้ปฏิบัติตาม มาตรา 29 , 30 และให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 , 4 - 18 และข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง