โอกาส ตัวแปร “นายกฯ ลุงป้อม” งูเห่า-เพื่อไทย-คนแดนไกล

การเดินทางไปอังกฤษของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียว ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล นำโดยพรรคก้าวไกล ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำออกได้ทั้งหัวและก้อย

การขยับไปต่างแดนเวลานี้ จึงถูกจับจ้องเป็นพิเศษว่าไปพบใครหรือไม่อย่างไร เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ระหว่างสุเทพ เทือกสุบรรณ และเนวิน ชิดชอบ ที่นัดกันไปดีลพลิกขั้วดันอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ได้สำเร็จ

ถึงวันนี้ ตัวแทนขั้วอำนาจเดิมอย่างพี่ใหญ่ป้อม บ้านป่าฯ นับว่ายังมีอิทธิฤทธิ์มากที่สุดในบรรดา3 ป. ก็ว่าได้ 

คนที่รู้ดีที่สุดคือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้เห็นลีลาการเดินเกมแพรวพราวในช่วงเลือกตั้งมาแล้วว่า ทำอย่างไรพลังประชารัฐ ถึงได้ ส.ส.มากกว่ารวมไทยสร้างชาติ จนทำเอาบิ๊กๆ ในรวมไทยสร้างชาติ ยังคับแค้นใจไม่หาย

ถึงแม้พลังประชารัฐจะมี ส.ส.แค่ 40 เสียง ถ้าเป็นคนอื่นคงกลับไปรักษาแผลใจ แต่กับพี่ใหญ่อาจไม่ได้คิดอย่างนั้น เนื่องจากอาจจะเห็นเงื่อนไขและปัจจัยที่ยังมีโอกาสผงาดขึ้นกุมอำนาจได้เสมอ แม้จะน้อยเต็มที และมีราคาที่ต้องจ่ายมหาศาลก็ตาม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุปสรรคของว่าที่รัฐบาลก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟันฝ่า เมื่อต้องสู้กับพลังอำนาจเก่า ขุนศึก นายทุน ส.ว. และพรรคร่วมอย่างเพื่อไทยด้วยกันเอง ที่ยังไม่ลงรอยในตำแหน่งประธานสภาฯ ยังไม่นับโควตารัฐมนตรี ถึงเวลาเมื่อไหร่ เกมต่อรองก็จะปะทุ สร้างแรงกระเพื่อมกันเองอีกตามเคย

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก้าวไกลเองก็เหนื่อย กับการพิงหลังเพื่อไทยขึ้นเป็นใหญ่ ต่างฝ่ายต่างไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันแบบเต็มร้อย

การจะให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้ายังมีก้าวไกลร่วมอยู่ ก็จะติดเงื่อนไขแบบที่เจอมาตลอด จนอาจเกิดเดตล็อกทางการเมืองขึ้น

ประวิตร เองก็อาจจะคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดแบบนั้นหรือไม่ จึงสั่งลูกพรรคนิ่งให้หมดตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งรัฐบาลไปก่อน เพราะถึงอย่างไรทางตันก็จะมาถึงในวันหนึ่ง

ความฝันของใครบางคน ที่อยากเห็น ประวิตร สวมบทนายกฯ ลำพังพละกำลังของตัวเองคงไม่เพียงพอ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยมือคนอื่นช่วย โดยเฉพาะเพื่อไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีค่าใช้จ่ายแสนแพงรออยู่เช่นเดียวกัน หรืออาจถึงขั้นหมดที่ยืนในทางการเมืองเลยก็เป็นได้

สูตรผ่าทางตัน เปลี่ยนเกม ที่ทำให้ประวิตร มีโอกาสเป็นนายกฯ และเพื่อไทย เองยังขับเคลื่อนพรรคได้ต่อนั้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็เริ่มพูดถึงสูตรใช้งูเห่า ในเพื่อไทย หรือรวมจากบางพรรคให้ได้อย่างน้อย 63 เสียง เป็นตัวพลีชีพพลิกขั้วไปรวมกับ 188 เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะทำให้มี 251 เสียงขึ้นมาได้ ก็เป็นอีกสูตรที่เกิดขึ้นได้ แต่โอกาสจะมากหรือน้อย เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่เงื่อนไขจูงใจงูเห่าต้องทำให้คนที่ฟังตัวสั่น จนยากจะปฏิเสธข้อเสนอ พูดง่ายๆ ต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่งูเห่าจะถูกตราหน้าในทางการเมือง

ถ้าจำกันได้ช่วงปลาย มี.ค.2566 ที่ผ่านมา ปรากฏภาพอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค เข้าป่ารอยต่อฯ ล้อมวงกินข้าวกับประวิตร จนมีรายงานข่าวออกมาว่ามีการพูดคุยถึงการร่วมงานการเมืองล่วงหน้า ถึงขนาดว่ามีการเอ่ยปากให้ ประวิตร เป็นนายกฯก่อนเลยทีเดียว

ดังนั้น เมื่อดูขุมอำนาจและเครือข่ายของประวิตร แล้วก็ยังดูกระฉับกระเฉง เต็มไม้เต็มมืออยู่พอสมควร ยังมีอิทธิพลทางความคิดต่อ ส.ว. จำนวนมาก และเป็นคนสำคัญที่กุมชะตาชีวิตตัวละครสำคัญในทางการเมืองด้วยเช่นกัน

ทางเพื่อไทยเอง ถ้ายังผนึกก้าวไกล โดยหมางเมินบารมีพี่ป้อม ก็ยากที่จะกุมอำนาจได้เช่นเดียวกัน แต่ก็ใช่จะเป็นเรื่องง่ายที่ ประวิตร จะนั่งนายกฯ โดยเฉพาะเมื่อต้องอาศัยเพื่อไทยเพราะคนแดนไกล เองก็รู้ชะตากรรมดี หากปล่อยให้เป็นแบบนั้นมีหวังสูญพันธุ์แน่ เวลานี้เลยขยับตัวลำบาก

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีเงื่อนไขในตัวเอง มีอำนาจต่อรองที่ตัวเองได้เปรียบและเสียเปรียบกับอีกฝ่าย ก็คงต้องรอสถานการณ์สุกงอม เอาให้ถึงที่สุดว่าเดินต่อไปไม่ได้ คงถึงเวลาของบรรดาดีลเมกเกอร์ต้องเปิดเกมเจรจา

สูตรพลิกขั้วรัฐบาล โดยมีประวิตรเป็นนายกฯ โอกาสแม้จะริบหรี่ แต่ใช่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ความฝันของคนแดนไกลเรื่องการกลับบ้านก็อาจจะต้องมีลุงป้อมช่วยกรุยทางหรือไม่ ก็คงต้องขบคิดอย่างหนัก จะได้หรือเสียมากกว่ากัน หรือต้องแลกระหว่างการเมืองกับครอบครัวหรือไม่

เกมอำนาจระหว่างเพื่อไทย หากโคจรมาจูนป่ารอยต่อฯ สำเร็จ คงได้เห็นแรงต้านจากด้อมส้มรวมถึงแฟนคลับเพื่อไทยเอง และอาจเข้าทางก้าวไกล ที่รอเกมยาวได้ เพราะกระแสสังคมและอารมณ์คนจะสวิงมาให้จนแลนด์สไลด์คาตา ในการเลือกตั้งหน้าก็เป็นได้