ศึกเด็กหน้าห้อง ชิง "ผบ.ทร." งัดสารพัดวิชามาร ดิสเครดิต
ถือเป็นสัญญาณเตือน จาก พล.ร.อ.เชิงชาย ถึงผู้อยู่เบื้องหลังปล่อยข้อมูลส่งเพจดัง CSI LA ให้หยุดการกระทำ สร้างความปั่นป่วน และทำลายชื่อเสียงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในช่วงโยกย้ายทหาร
หากคดี “ผู้การชลบุรี” รีดเงิน 140 ล้าน เกี่ยวโยงกับศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. อย่างที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมือง ตั้งข้อสังเกตไว้ กรณีเพจดัง CSI LA ออกมาแฉ คนในกองทัพเรือไม่สบายใจ “นายพล ช.” เรียกค่าคอมมิชชั่น 15% บริษัทชัยเสรี ของ “มาดามรถถัง” นพรัตน์ กุลหิรัญ ก็คงไม่ต่างกัน
เข้าสู่ฤดูโยกย้ายครั้งใด คลื่นลมในกองทัพเรือ ก็รุนแรง ไม่มีแผ่ว และนับวันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการจัดทำบัญชีปรับย้ายปีนี้เสร็จไวกว่ากำหนด
หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณนัดถกบอร์ด 7 เสือกลาโหมเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า การปรับย้ายทุกเหล่าทัพเรียบร้อยไปแล้ว 90% ที่เหลือแค่ดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ที่ต้องจับตา ศึกภายในกองทัพเรือ เพราะไม่เพียงแต่ประเด็นการเรียกค่าคอมมิชชั่นจาก “ชัยเสรี” เท่านั้น “นายพล ช.” ยังถูกพาดพิงกรณีเรียกบริษัท Rv Connex ซึ่งประกอบกิจการ ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไปดูแลตอนเดินทางไปเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี อีกทั้ง ยังให้แก้สัญญาอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ โครงการใหญ่ในกองทัพเรือ เอื้อประโยชน์บริษัทรับเหมาพวกพ้อง
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นคล้อยหลัง “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เปิดสเปก ผบ.ทร.คนใหม่ ต้องมีความรู้ ความสามารถ และเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพเรือ จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ดูแลกองทัพเรือต่อไป และที่สำคัญต้องเป็นคนดี และปฏิเสธตอบคำถาม คนดี ต้องคลีน หรือไม่
พล.ร.อ.เชิงชาย ไฟเขียวให้ โฆษกกองทัพเรือ ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว ส่งสัญญาณเตือนคนอยู่เบื้องหลัง ให้หยุดการกระทำที่สร้างความปั่นป่วนให้กับองค์กรและผู้บังคับบัญชา เพื่อหวังเลื่อนยศ-ตำแหน่ง ในช่วงการปรับย้าย ทั้งเรียกเงิน มาดามรถถัง การแก้สัญญาก่อสร้างอาคารเอื้อพวกพ้อง ไร้มูลความจริง
โดยเฉพาะการเดินทางไปเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นการเบิกจ่ายงบตามระเบียบกระทรวงกลาโหมตามที่กองทัพเรือกำหนด ส่วน บริษัท Rv Connex ทำหน้าที่คอยประสานงาน
ขณะที่ลูกประดู่ วิเคราะห์เป็น 2 กรณี คือการปล่อยข่าวผู้เสียผลประโยชน์ดำเนินโครงการต่างๆ ของกองทัพเรือ แต่ที่ให้น้ำหนักมากที่สุด “เกมดิสเครดิต” แคนดิเดต ผบ.ทร. ซึ่งไม่ต่างกับที่ผ่านมา ปีนี้มีผู้ชิงตำแหน่งด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย
“บิ๊กโอ๋” พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์ ตท.23 หรือเตรียมทหารรุ่น 23 เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) เป็นตัวเต็งขึ้นหม้อสุด และด้วยบุคลิกเข้มงวด ระเบียบวินัยเป๊ะ เป็นที่กล่าวขานของคนในกองทัพเรือ เป็นผู้บังคับบัญชาค่อนข้างดุ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานตัวเกร็งไปตามๆ กัน
พล.ร.อ.ชลทิศ เติบโตฝ่ายอำนวยการ เคยเป็น ผบ.เรือหลวงภูเก็ต และเคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และทำหน้าที่รองผู้ช่วยทูตทหาร รองเจ้ากรมข่าว กองทัพเรือ และ ผอ.สำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการ กองทัพเรือ ผอ.สำนักนโยบายและแผน กรมข่าวทหารเรือ รอง ผบ.ทัพเรือภาคที่ 2 เจ้ากรมข่าวทหารเรือ และเจ้ากรมยุทธศึกษา กองทัพเรือ ก่อนขึ้น เสธ.ทร.
ปัจจุบัน พล.ร.อ.ชลทิศ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางจมใต้ทะเล ทำให้กำลังพลเสียชีวิตหลายราย รวมทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการเรือดำน้ำ และอยู่ระหว่างหาทางออกแก้ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ และคาดว่า จะได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทร. ต่อจาก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์
คนที่สอง “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ตท.25 ผู้ช่วย ผบ.ทร. น้องชาย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตท.20 อดีต ผบ.ตร.
หากไม่แน่จริง บิ๊กวินคงอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ หลังถูกข้อครหา โตเร็วข้ามหัวรุ่นพี่ เพราะหากเทียบกับเหล่าทัพอื่น ในไลน์ 5 เสือด้วยกัน มีเพียง ตท.รุ่น 22 ตท.รุ่น 23 และ ตท.รุ่น 24 เท่านั้น
“บิ๊กวิน” ได้ชื่อว่า ทั้งเหนียว ทั้งแข็ง เพราะที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจพยายามหลายครั้งในการโยกข้ามห้วยไปยังกองทัพไทย ซึ่งนอกจากไม่สามารถทำได้แล้ว ยังเบียด “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม (ตท.23) เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโอ๋” ตกเก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ทร. ไปเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ในช่วงโยกย้ายที่ผ่านมา จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กวิน-บิ๊กดุง” ไม่ราบรื่นเท่าไหร่
แม้ทุกวันนี้ “บิ๊กวิน”จะอยู่ท่ามกลางวงล้อม ของ ตท.รุ่น 23 แต่ถือว่าอาวุโสสุด ติดยศพลเรือโท และพลเรือเอกก่อน เคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เติบโตมาจากสายกำลังรบ เป็นผู้การเรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ
ดังนั้น ทันทีที่เพจดัง CSI LA ปล่อยข้อมูลดังกล่าว “บิ๊กวิน” จึงถูกเพ่งเล็งจากคนในกองทัพเรืออย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นแคนดิเดต ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีอายุราชการ 2 ปี จะเกษียณพร้อมกับ “พล.ร.อ.ชลทิศ” ในปี 2568
“เรื่องนี้ต้องตรวจสอบก่อน และยอมรับว่า ข้อมูลดังกล่าวมาจากคนในกองทัพเรือแน่นอน เพียงแต่ว่าอาจไม่ใช่ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และยอมรับว่ากองทัพเรือมีโครงการต่างๆ ที่ได้ทำกับบริษัทชัยเสรี ส่วนเรื่องการเรียกค่าหัวคิว 15% ก็คงต้องไปตรวจสอบก่อน การพูดดังกล่าวไม่มีข้อมูลพยานหลักฐานมารองรับ เป็นเพียงข้อมูลกล่าวอ้าง" พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าว
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิต แคนดิเดต ผบ.ทร. หรือไม่นั้น พล.ร.อ.เชิงชาย บอกว่า “ขอตรวจสอบก่อน เพราะชื่อผมมีตัว ช. เช่นเดียว”
คนสุดท้าย “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ตท.23 ด้วยบุคลิกตรงไปตรงมา ชอบ-ไม่ชอบ แสดงออกมาตรงๆ จึงได้เห็น ผลงาน “บิ๊กดุง” ถูกเผยแพร่เต็มหน้าเพจกองเรือยุทธการในด้านต่างๆ เสมือนหนึ่งประกาศท้าชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. โดยใช้ผลงานมานำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาประกอบการพิจารณา
สำหรับ “บิ๊กดุง”เติบโตมาจากกองเรือฟริเกตที่ 1 เคยเป็น ผบ.เรือหลวงปิ่นเกล้า และเคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย พร้อมทำหน้าที่รองผู้ช่วยทูตทหารไทย แคนเบอร์รา และรักษาการผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ และมีอายุราชการเหลือ 1 ปี เกษียณ 2567
เป็นที่น่าสังเกตว่า 3 แคนดิเดต ผบ.ทร.ในปีนี้ เคยอยู่หน้าห้องเป็นทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.ทร. ทั้ง พล.ร.อ.ชลทิศ และ บิ๊กวิน เคยเป็นฝ่ายเสธ.ของ “บิ๊กหรุ่น” พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ส่วน “บิ๊กดุง” เคยเป็นฝ่าย เสธ. “บิ๊กติ๊ด” พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ
การปล่อยข่าวหวังผลดิสเครดิตคู่ต่อสู้ของคนในกองทัพเรือ เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะตราบใดที่“โผทหาร” ยังไม่ทูลเกล้าฯ อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้