"วราวุธ" ปัดตอบโอกาสพลิกขั้วการเมือง บอกรอฟังพรรคใหญ่

"วราวุธ" ปัดตอบโอกาสพลิกขั้วการเมือง บอกรอฟังพรรคใหญ่

"วราวุธ"​นำ ส.ส.รายงานตัวต่อสภาฯ ปัดตอบโอกาสพลิกขั้วตั้งรัฐบาล บอกรอฟังพรรคใหญ่ มอง "ส.ว." เคลื่อนไหว จ่อตรวจสอบ "แคนดิเคตนายกฯ" ทำได้ แนะว่าที่นายกฯต้องพร้อมยอมรับการตรวจสอบ

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ก่อนการ นำส.ส. จำนวน 8 คนเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ถึงความขัดแย้งในการเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้ตนไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีผู้ท้าชิงหรือมีการท้าชิงหรือไม่ ทราบเพียงการเสนอแคนดิเดตประธานสภาฯ จากพรรคก้าวไกลเท่านั้น  ทั้งนี้การตัดสินใจโหวตของพรรค แม้ส.ส.จะมีเอกสิทธิ์ แต่จากกการทำงานที่ผ่านมาต้องร่วมหารือเพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจน ส่วน ปัญหาที่เกิดขึ้นตนตอบไม่ได้ว่าจะเป็นชนวนทำให้เกิดการสลับขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะพรรคชาติไทยพัฒนามี ส.ส.แค่ 10 คนเท่านั้น ดังนั้นต้องรอดูสถานการณ์และความชัดเจนจากพรรคใหญ่ว่ามีแนวทางอย่างไร

 

 

“ประเด็นประธานสภาฯ ที่ขัดแย้ง ผมมองว่าเป็นประเด็นท้าทายของผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมชั่วคราว ซึ่ง พล.ต.ต.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยที่จะทำหน้าที่ ซึ่งมีความคร่ำหวอดทางการเมือง  มีประสบการณ์ และวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับจากหลายฝ่าย ต้องรับความท้าทาย และควบคุมการประชุมในสภาฯ ครั้งแรกได้” นายวราวุธ กล่าว

เมื่อถามว่าประเด็นปัญหาของประธานสภาฯ ที่เกิดขึ้นจะทำให้การตั้งรัฐบาลยืดเยื้อหรือทำให้การเมืองสะดุดหรือไม่  นายวราวุธ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ยื้อเยื้อหรือช้าเกินไป รวมถึงไม่มีเหตุที่ทำให้การเมืองสะดุด เพราะเมื่อเลือกประธานสภาฯ ได้ ต่อไปคือการเลือก นายกฯ จากนั้นคือ ฟอร์มรัฐบาล ซึ่งได้ดำเนินนการไปตามกรอบของระบอบประชาธิปไตย ที่สภาฯ เป็นผู้กำหนดทิศทางข้างหน้า ส่วนรัฐบาลทำงานบริหารประเทศ

 

เมื่อถามย้ำว่าหากการเมืองพลิกขั้วจริง กังวลต่อความวุ่นวายทางการเมือง การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า   ตนตอบแทน หลายคนไม่ได้ ทั้งนี้ทุกอย่างหลังการเลือกตั้ง ที่อาจมีความไม่แน่นอนเป็นสิทธิที่แต่ละพรรตต้องเข้าใจสถานการณ์การเมืองของประเทศ ประคับประคองให้เกิดความราบรื่น ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น

 

 

 

เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหว ของส.ว. ที่อ้างเรื่องเสียงเลือกตั้งไม่ใช่เสียงข้างมากและพยายามหาช่องตรวจสอบแคนดิเดคนายกฯจากพรรคก้าวไกล นายวราวุธ กล่าวว่า ในมุมมองส.ว. ที่มองว่า 14 ล้านเสียง ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ หากจะเทียบกับจำนวนประชากร 66 ล้านคน หรือ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง  50 ล้านคน เป็นสิ่งที่จะคิดได้ แต่พรรคก้าวไกลได้รรับเลือกกตั้งมากที่สุดเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น อย่างไรก็ดีตนมองว่าเป็นมุมมองที่เหมือนมองเหรียญคนละด้าน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาพ้อมน้อยรับแนวคิดทุกอย่าง

“ส่วนกรณีที่ ส.ว. หาช่องในการตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ นั้น  เป็นมุมมองและเอกสิทธิ์ของส.ว. ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมโหวตนายกฯ ทั้งนี้ส.ว.สามารถตั้งข้อสงสัยในศักยภาพของแคนดิเดตนายกฯได้เป็นปกติ ทั้งนี้คนที่จะเป็นนายกฯ ต้องพร้อมยอมรับการตรวจสอบจากสังคมและสาธารณะ เหมือนสมัยก่อนที่นายบรรหารศิลปอาชาจะเป็นนายกฯหรือนายชวน หลีกภัย จะเป็นนายกฯ ต้องถูกส่องกล้องจุลทรรศน์จากสังคมเช่นกัน” นายวราวุธ กล่าว

 

 

 

เมื่อถามถึงแนวทางโหวตนายกฯของพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ กล่าวว่า  “ต้องหารือในพรรรค รวมถึงรอความชัดเจนว่าใครจะถูกเสนอชื่อ”