ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว  สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

ดันสูตรพลิกขั้วอาจจะ ไปไม่ถึงฝั่ง เมื่อ "ภูมิใจไทย" ส่งสัญญาณ ไม่ขอเล่นตามเกม ที่ถูกเซ็ตไว้ ทั้งในเกม วัดพลัง ชิง รองปธ.สภาฯคนที่หนึ่ง จากนี้ต้องติดตาม ขั้วเดิมจะทำฝันเป็นจริงอย่างไร

ควันหลงวันประชุมสภาฯ ที่พบว่าการประกาศจุดยืนจาก “รวมไทยสร้างชาติ” ขออยู่ตรงข้ามกับ “ก้าวไกล” ผ่านการประลองกำลัง ในการเลือก “รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง” ซึ่ง 8 พรรคร่วมรัฐบาล เสนอ หมออ๋อง "ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ขณะที่ “รวมไทยสร้างชาติ​“ เสนอชื่อ “วิทยา แก้วภราดัย”

ผลที่ออกมา ปดิพัทธ์ ชนะ วิทยา ได้ 312 เสียง ต่อ 105 เสียง และมีผู้งดออกเสียง 77 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง

เมื่อถอดรหัสคะแนนที่ออกมา “ปดิพัทธ์” ได้คะแนนเป็นเอกภาพ 312 เสียง ซึ่งคาดว่าจะเป็นจากฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เพราะ ส.ส.8 พรรค รวมเสียงได้ 312 คน แต่ “สุชาติ ตันเจริญ” ไม่ได้เข้าประชุม ขณะที่ “พล.ต.ต.วิโรจน์ เปาอินทร์” ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ตามธรรมเนียม ต้องวางตัวเป็นกลาง ดังนั้น 2 เสียงในจำนวน 312 ย่อมมาจากขั้ว “ฝ่ายค้าน"

ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว  สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

 ขณะที่ฝั่ง “วิทยา” กลับเสียงแตก เพราะ 10 พรรคว่าที่ฝ่ายค้าน ที่รวมเสียงได้ 188 เสียง พบเสียงหนุนแค่ 105 เสียงเท่านั้น ส่วนอีก 77 เลือกวิธี “งดออกเสียง” เพราะไม่ต้องการเล่นเกมกับ “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ผูกโยงกับสถานการณ์พลิกขั้ว “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”

โดยก่อนเปิดเกมเสนอชื่อ “วิทยา” ประลองกำลัง “หมออ๋อง” จะเริ่มขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ที่หลังห้องประชุมสภาฯ แกนนำของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็น วิทยา-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีแกนนำพรรคต่างๆ ห้อมล้อม พร้อมกับแจ้งว่า จะขอเล่นเกมวัดพลัง เสนอ “วิทยา” ประชันคนของพรรคก้าวไกล

 

ทั้งนี้ ในวงนักการเมืองที่รู้ความเคลื่อนไหวนี้  มีความเห็นที่แตกต่างออกไป โดยออกแนวไม่สนับสนุนมากกว่า แต่แกนนำรวมไทยสร้างชาติยืนยัน 

ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว  สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

จึงทำให้ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย บอกว่า จะขอ “ฟรีโหวต” ส่วนพรรคอื่นๆ ปล่อยให้ “รวมไทยสร้างชาติ” เล่นเกมนี้ไปเอง โดยให้คนของรวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อของคนของพรรคตัวเอง ซึ่งต่างจากธรรมเนียมปกติที่ "คนเสนอชื่อ​“ จะเป็นคนต่างพรรคกัน

 

แม้ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกรวมไทยสร้างชาติ จะอ้างว่า เรื่องนี้ไม่มีดีลลับ และเป็นเรื่องที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ดำเนินการเอง ไม่ได้คุยกับพรรคการเมืองอื่น

ทว่า “ปรากฏการณ์” การเมืองในสภาฯ ชี้ให้เห็นว่า “10 พรรค“ 188 เสียง เกิดการ ”เสียงแตก” จนกลายเป็นคำถามว่า จะส่งผลต่อการ โหวตนายกฯใน วันที่ 13 กรกฏาคมนี้หรือไม่

เพราะทิศทางที่เห็น คือขั้ว 8 พรรค ประกาศเสนอ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล ขณะที่ฝั่งอำนาจเก่าจำเป็นต้อง “ส่งตัวแทน” ไปเป็นคู่ชิง เพื่อไม่ให้ถูก “ด้อมส้ม” หยิบฉวยไปอ้างว่า “พิธา” ไร้คู่แข่ง

 แม้ข้อเท็จจริง จำเป็นต้อง “ลงมติ” ในที่ประชุมรัฐสภา และตามเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ที่มี 750 คน หรือได้ 376 เสียงขึ้นไป

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีรายงานข่าวจากกลุ่มขั้วอำนาจเดิมว่า “พล.อ.ประวิตร” ฐานะแคนดิเดตนายกฯ จากพลังประชารัฐ ยกมือ “บ๊ายบาย” 

ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว  สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

ดังนั้น หากเกมนี้จะไปต่อ ทำให้ต้องพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่น โดยขณะนี้มีแคนดิเดตนายกฯ ที่อยู่ในลิสต์ ที่เป็นคู่ชิงพิธาได้ ยังเหลือ อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

 

ฝั่งนี้แม้จะมีเสียง ส.ส.188 เสียง และมี ส.ว.กองหนุน 250 คน แต่อย่าลืมว่า หากได้เป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ย่อมเกิดผลเสียกับทุกภาคส่วนมากกว่า

 

ขณะเดียวกัน “ปรากฏการณ์เสียงแตก” ในการโหวตรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ที่แม้ “อนุทิน” ​จะให้สัมภาษณ์ว่า “สัญญาณฟรีโหวต ไม่ใช่จุดชี้ผลการเลือกนายกรัฐมนตรี" แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือสัญญาณที่อาจจะส่งผลต่อ “เกมพลิกขั้วรัฐบาล” หรือไม่ เมื่อขั้วอำนาจเดิม ยังไม่หยุดเดินเกมใต้ถุนสภาฯ

ถอดรหัส“ภท.”แตกแถว  สัญญาณวัดพลัง“พลิกขั้ว”

โดยหมากในชั้นแรกนี้ “ส.ว.” จะเป็นผู้กุมชะตาว่าที่นายกฯ คนที่30 ที่จะถูกเสนอชื่อจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก ส.ว.กลุ่มใหญ่ ยังเป็นเครือข่ายของ 3 ป. และมีความภักดีสูง ขณะเดียวกัน นโยบายบางอย่างของพรรคก้าวไกล คดีคุณสมบัติ “พิธา” ยังเป็นเหตุผลชั้นดีที่ ส.ว.จะไม่ให้ความชอบธรรมแคนดิเดตนายกฯ จากก้าวไกล

ส่วนสเต็ปต่อไป คือการดันสูตร “พลิกขั้ว” ให้เกิดขึ้นจริง.