ปชป.ร้าวลึก ศึก 2 ขั้ว เกมล้มโต๊ะ“ขวางดีลลับ”

ปชป.ร้าวลึก ศึก 2 ขั้ว  เกมล้มโต๊ะ“ขวางดีลลับ”

"เกมล้มโต๊ะ" โหวตผู้นำ “ค่ายสีฟ้า” ไม่ใช่แค่การชิงอำนาจระหว่าง 2 ขั้วอำนาจ แต่เป้าหมายใหญ่กว่า คือเกมกลับสู่อำนาจในกระดานรัฐบาลขั้วใหม่ต่างหาก!

“เกมล้มโต๊ะ”โหวตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นการตอกย้ำ “ศึกชิงอำนาจ” ระหว่าง 2 ขั้วในค่ายสีฟ้า ที่นับวันจะยิ่งร้าวลึก ใกล้แตกหักเข้าไปทุกที

ต้นเหตุของ เกมล้มโต๊ะเกิดจากกลุ่มสนันสนุน “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำโดย​ สาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค เล็งเห็นแล้วว่า ด้วยจำนวน ส.ส.ที่มีในมือ ราว 5 คน จากทั้งหมด 25 คน หากปล่อยให้ใช้โหวตเตอร์ 70 : 30 คือ ส.ส.ชุดปัจจุบัน 70% ต่อสมาชิกพรรคอีก 30% โอกาสที่ “อภิสิทธิ์” จะคัมแบ็คหัวหน้าพรรคแทบไม่มี

“อภิสิทธิ์” ก็ดูเหมือนจะอ่านเกมตรงนี้ออก แรกๆ ก็ถอดใจเล็กๆ หากต้องลงสู้ โดยใช้สูตรนี้

 เช่นนี้ จึงต้องแก้เกม ด้วยการเสนอให้ “ยกเว้นข้อบังคับ” แล้วใช้การโหวตแบบ “1 คน 1 เสียง” หวังดึงเสียงจากโหวตเตอร์ ทั้งอดีต ส.ส.-อดีตรัฐมนตรี-ตัวแทนสาขาพรรค จากที่มี 275 เสียง ซึ่งมีเสียงหนุนอภิสิทธิ์อยู่จำนวนไม่น้อย และมีโอกาสชนะสูง

แต่เมื่อแผนดังกล่าว ถูกสกัดโดยกลุ่ม "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" รักษาการเลขาธิการพรรค ที่ถือไพ่เหนือกว่า ด้วยจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในมือฝ่ายหนุนอภิสิทธิ์ ที่เห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำ จึงชิงเกม“ล้มโหวต”ในที่สุด

ศึกประลองกำลังที่เกิดขึ้นในค่ายสีฟ้ายามนี้ เปิดให้เห็นถึงเกมชิงไหวชิงพริบระหว่าง 2 ขั้วอำนาจใน ปชป.ที่นับวันจะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น

เมื่อเจาะดูขุมกำลังระหว่าง 2 ขั้ว ทั้ง “ขั้วสนับสนุนอภิสิทธิ์” นอกจาก “สาธิต” ที่ประกาศตัวชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ในศึกเลือกผู้นำพรรครอบนี้ ถึงขั้นที่รุ่นใหญ่อย่าง “ชวน หลีกภัย” ต้องออกโรงเปิดหน้าท้าชน แบบไม่มีกั๊ก-ไม่มีเกรงใจกันอีกต่อไป

 ว่ากันว่า หากฝั่งอภิสิทธิ์แก้เกมได้สำเร็จไม่เกิด“ล้มโหวต”เสียก่อน “ชวน”จะเป็นผู้เสนอชื่อ“อภิสิทธิ์”ชิงหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง

ปชป.ร้าวลึก ศึก 2 ขั้ว  เกมล้มโต๊ะ“ขวางดีลลับ”

 

ขณะที่“ขั้วเฉลิมชัย” ซึ่งถือไพ่เหนือกว่า ด้วยจำนวน ส.ส.ในมือ เกือบ 20 คน ก่อนหน้านั้น ได้พยายามดัน “เดชอิศม์ ขาวทอง”ส.ส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้าพรรค ชิงตำแหน่งดังกล่าว

แต่ด้วยปมปัญหาคดีความที่ถูกร้องเรียน ทำไปทำมา จะเป็นเกมเข้าทางกลุ่มที่จ้องล้างแค้น ที่ยังขุดคุ้ยไม่เลิก อาจได้ไม่คุ้มเสีย

จึงเป็นที่มาของตัวเลือกถัดไป นั่นคือ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นคู่ชิงหัวหน้าพรรค ปชป. 

เดิมที กลุ่มนี้วางเกมปลดล็อกคุณสมบัติ “ดร.เอ้” เรื่องการเป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง 5 ปี และไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน เพื่อเสนอชื่อชิงหัวหน้าพรรค

ทว่า หลังการทาบทาม “ดร.เอ้” เองก็เกิดอาการหนักอกหนักใจ ถึงกระแสนิยมพรรค ซึ่งไม่เหมือนก่อน หนักไปกว่านั้น คือเกมเขี้ยวลากดิน ที่เขาจะต้องเจอ ในวันที่ขึ้นแท่นผู้นำพรรค จึงตัดสินใจ"ปิดดีล" ปฏิเสธเข้าชิงตำแหน่งในท้ายที่สุด

หวยจึงไปออกที่ “ตุ้ม” นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่มีชื่อโผล่เข้ามาแบบม้ามืด ในโค้งสุดท้าย ก่อนวันโหวต

ปชป.ร้าวลึก ศึก 2 ขั้ว  เกมล้มโต๊ะ“ขวางดีลลับ”

จะว่าไปแล้ว“นราพัฒน์” ก็ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน เขาเป็นลูกชาย "ไพฑูรย์ แก้วทอง" บ้านใหญ่เมืองชาละวัน เป็นน้องรักที่ทำงานใกล้ชิดกับ "เฉลิมชัย" มาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ในตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กลลับ-เกมร้าว! ที่เกิดขึ้นใน ปชป.เวลานี้ จึงไม่เพียงเป็นการตอกย้ำถึงการแตกแยกอย่างรุนแรง จนยากเกินจะสมานของ “2 ขั้วอำนาจ” ในพรรค แต่ยังมองไปถึงเกมอำนาจนอกพรรค

โดยเฉพาะข่าวคราวการเปิด“ดีลข้ามแดน”ระหว่าง“ผู้มากบารมี” ท่ามกลางสารพัดสูตรจับขั้ว ที่ปรากฎออกมาเป็นระยะ ในช่วงที่ผ่านมา

ฉะนั้นการดัน “ตุ้ม นราพัฒน์” ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือเพราะสุดวิสัยแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม “นราพัฒน์”เอง ก็เคยออกมาตอบคำถาม ถึงการเข้าร่วมรัฐบาลกับ “พรรคก้าวไกล” รวมถึงการโหวต “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯ ว่า

“เมื่อถึงคราวจำเป็นจริงๆ เพื่อให้ชาติบ้านเมืองไปต่อได้ ถ้าจำเป็นต้องโหวต จะเป็นมติพรรค แต่ทั้งนี้จะต้องไม่แตะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์”

ปชป.ร้าวลึก ศึก 2 ขั้ว  เกมล้มโต๊ะ“ขวางดีลลับ”

วลี “โหวตเพื่อชาติ” จึงถูกมองว่า ไม่ต่างอะไรกับการทอดไมตรีไปยังขั้ว “8 พรรค” แต่เมื่อปชป.มีจุดยืนไม่สนับสนุนพรรคแก้ม.112  คือก้าวไกล แล้วจึงมีการจับตาไปที่พรรคที่อยู่ในลำดับถัดไป คือ พรรคเพื่อไทย ที่จะขึ้นมาแทนที่ ในกรณีที่ก้าวไกล ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

 สอดรับกับสัญญาณของผู้มากบารมีในพรรค ที่ว่ากันว่า มี “ดีลแดนไกล”มองเกมยาวไปถึง “สูตรพลิกขั้ว”หลังประเมินแล้วว่า โอกาสที่“พิธา”จะได้เสียงสนับสนุนจากรัฐสภามีน้อยเต็มที

ฉะนั้นการที่จะทำให้“บิ๊กดีล” บรรลุผลได้ อันดับแรกคือ การได้อำนาจควบคุมในพรรคได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียก่อน 

เพราะหากเป็น “อภิสิทธิ์” ซึ่งถือเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ขึ้นมาเป็นผู้นำ ย่อมกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางให้ “บิ๊กดีล”ต้องสะดุดหยุดลงทันที

ขณะที่กลุ่ม“สนับสนุนอภิสิทธิ์”ก็ดูเหมือนจะรู้สัญญาณตรงนี้เป็นอย่างดี จึงตอกย้ำชัด โดยเฉพาะท่าทีของ “ชวน หลีกภัย” ที่ออกมาตวัดใบมีดโกนฝากคนในพรรค ถึงสัญญาณอันตราย หาก ปชป.จับมือกับพรรคเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

นอกจากนี้ บางปีกย่อยในพรรคยังมองว่า โอกาสที่จะทำให้ประชาธิปัตย์กลับมามี ส.ส เป็นกอบเป็นกำได้อีก คือการเป็นพรรคฝ่ายค้านเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว

เช่นนี้ จึงไม่แปลก ที่ขั้วตรงข้าม “เฉลิมชัย”จะเลือกเบรกเกมเสิร์ฟ ด้วยการดัน“อภิสิทธิ์” ชิงผู้นำพรรค เพื่อสกัดดีลลับ-ดีลรัก ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เกมล้มโต๊ะที่เกิดขึ้นใน“ค่ายสีฟ้า” จึงไม่ได้มีความหมายแค่การชิงอำนาจระหว่าง 2 ขั้วในพรรคเท่านั้น

แต่เป้าหมายใหญ่กว่า คือเกมกลับสู่อำนาจในกระดานรัฐบาลขั้วใหม่ต่างหาก!