ส่งตัว 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' เข้า รพ.หลังพบโรคประจำตัวหลายโรค หวั่นแพร่เชื้อ
กรมราชทัณฑ์ เผยส่งตัว 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' แยกรักษา ณ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หลังตรวจร่างกายพบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่น
กรมราชทัณฑ์ เผยส่งตัว 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' แยกรักษา ณ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หลังตรวจร่างกายพบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และพบประวัติการรักษาวัณโรคปอด ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำ
นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และความผิดต่อเจ้าพนักงานยุติธรรม เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ไว้ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์แล้วนั้น
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ การรับตัวนายธาริตฯ ไว้ในการควบคุมว่า ทางเรือนจำได้ดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติงานควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) ในกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังแรกเข้า โดยมีการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่ สอบประวัติเบื้องต้น พบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายในขณะหลับใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP)
และพบประวัติการรักษาวัณโรคปอด โดยอยู่ในการรับยารักษาระยะเข้มข้น ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำ
ข้อมูลข้างต้น ร่วมกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นร่วมหลายโรค เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงได้ส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 โดยแพทย์ได้พิจารณารับตัวให้รักษาตัวห้องแยกโรค หอผู้ป่วยวัณโรค ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
เพื่อให้การรักษาจนอยู่ในระยะปลอดภัยไม่แพร่กระจายเชื้อ ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่น เนื่องจากภายในเรือนจำเป็นพื้นที่ปิด ที่มีความแออัดและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้มีการปฏิบัติต่อนายธาริต เช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป มิได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่นๆ ถึงแม้จะเคยเป็นบุคคลสำคัญทางสังคม มิได้มีห้องพิเศษสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกแต่อย่างใด
กรมราชทัณฑ์ยังคงควบคุมผู้ต้องขังทุกรายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน