ชูวิทย์ แนะก้าวไกลถอย ม.112 ส่ง พิธา นั่งเก้าอี้นายกฯ เชื่อ ประชาชนเข้าใจ
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความคิดเห็นประเด็นการโหวตนายกรัฐมนตรี รอบแรก แนะ พรรคก้าวไกล ถึงทางเลือกที่ว่า ควรยอมถอยเรื่อง ม.112 เชื่อ ประชาชนเข้าใจ ชี้ประเทศไทยยังมีอีกสารพัดเรื่องให้ทำ
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความคิดเห็นประเด็นการโหวตนายกรัฐมนตรี รอบแรก แนะ พรรคก้าวไกล ถึงทางเลือกที่ว่า ควรยอมถอยเรื่อง มาตรา 112 ดีกว่าหรือไม่ เนื่องจาก มาตรา112 เป็นเงื่อนไขหลักๆ ส่งผลกระทบให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับความเห็นชอบยังไม่เกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมสภาฯ ทั้งหมด
นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังระบุเพิ่มเติมว่า มาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ พรรคก้าวไกล สัญญาไว้กับประชาชน และหากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ประเทศไทยยังมีอีกสารพัดเรื่องให้ทำอีกมากมาย
ถอยดีกว่า วันนี้การโหวตเลือกนายกฯ ได้เห็นแล้วว่าไม่ผิดจากที่ผมพูดไว้ แผนสกัดพิธา “มีก้าวไกล ไม่มี ส.ว.”
ไม่มีอะไรแปลกใจ แม้ว่า พิธา ยังยืนยันหลังผลการโหวตแพ้ว่าการต่อสู้ยังไม่จบ “ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้”
โหวตครั้งที่ 2 หากมีโอกาส ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
ก้าวไกลจึงต้องถึงทางเลือกว่า “ยอมถอย เรื่อง มาตรา 112 ดีกว่า” เพราะเป็นการสร้างความแตกแยก และเป็นเงื่อนไขให้พิธาไม่ได้เป็นนายกฯ
การขึ้นเป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นที่ต้องยึดเรื่องปฏิรูปสถาบันเป็นหลัก มีเรื่องสารพันให้ทำอีกมากมาย
ผมมั่นใจว่าใน 14 ล้านเสียง ไม่ได้ต้องการเรื่องปฏิรูปสถาบันมาเป็นเรื่องแรกๆ เสียด้วยซ้ำ
ก้าวไกลได้คะแนนเสียงจาก “มีลุง ไม่มีเรา” ปฏิรูปกองทัพ ยุบ กอ.รมน. กฎอัยการศึก ล้มเผด็จการ รวมถึงกฎหมายต่างๆ ที่ทำให้ประเทศไทยติดหล่มมาถึง 9 ปี
นี่ต่างหากที่ก้าวไกลต้องปฏิรูป
วันนี้ยังมีโอกาสที่ก้าวไกลจะถอย หากไม่ดื้อ และยึดติดกับคะแนนเสียงมวลชนบางส่วน ทุกอย่างมีขึ้น และมีลง คะแนนเสียงไม่ได้อยู่กับก้าวไกลตลอดไป
มันไม่ใช่ “การถ่มน้ำลายรดฟ้า” แต่เป็นการถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล ทำงานเพื่อประชาชนไม่ใช่แค่ 14 ล้านเสียง แต่ต้องทำให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเลือกก้าวไกลหรือไม่ต่างหาก
บทพิสูจน์ของก้าวไกลก่อนจะสายเกินไป เรียนรู้การลำดับว่าอะไรที่สำคัญกับชาติบ้านเมืองก่อน ไม่มีใครทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อยังไม่ถึงเวลาต้องทำ
มาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ก้าวไกลสัญญาไว้กับประชาชน ประเทศไทยยังมีอีกสารพัดเรื่องให้ทำหากเป็นรัฐบาล ผมรับประกัน
มาตรา 112 เรื่องเดียวจะทำให้พิธาไม่ได้ทำเรื่องใหญ่เรื่องอื่นเลย พิธาย้ำเสมอว่า “เป็นผู้นำต้องมีสติ ไม่มุทะลุ รู้จักว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรถอย”
การดึงดันแก้ไข มาตรา 112 แม้รู้ว่าปลายทางไม่มีทางผ่าน นอกจากตอบสนองความต้องการของมวลชนกลุ่มหนึ่ง แล้วจะดันทุรังทำไปทำไม ทั้งที่สามารถบอกประชาชนได้ว่า “ก้าวไกลเป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลพรรคเดียว ไม่มีพรรคร่วมใดเห็นด้วยกับการแก้ไข มาตรา 112 เลยแม้แต่พรรคเดียว”
หากต้องการเอา มาตรา 112 มาเป็นเรื่องหลัก ขอให้ครั้งหน้าประชาชนเลือกพรรคก้าวไกลเกินครึ่งไปเลย
ผมพูดจากประสบการณ์การเมือง และหาทางประนีประนอมเพื่อให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง หรือฐานมวลชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ข้อแนะนำของผมคือ ยอมถอยดีกว่า หากก้าวไกลแสดงให้เห็นว่ายอมถอย มาตรา 112 แล้ว อำนาจเก่ายังไม่ถอย ก็ถึงคราวต้องรุกกลับ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์