สร.เลือก 'มังกร' พ่อบ้านพรรค 'เสรีพิศุทธ์' มั่นใจเลือกตั้งงวดหน้าสู้ได้
'เสรีรวมไทย' เลือก 'มังกร' นั่งเก้าอี้พ่อบ้านพรรค 'เสรีพิศุทธ์' ปลุกสมาชิกอย่าเสียใจ เหตุเลือกตั้งรอบนี้เป็นกระแส มั่นใจงวดหน้าจะเปลี่ยน ยันชงชื่อ 'พิธา' โหวตนายกฯกี่ครั้งก็ได้
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ กทม. พรรคเสรีรวมไทยจัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปีครั้งที่สอง / 2566 โดยเป็นการประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร 2 ตำแหน่ง คือ รองหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค โดยนายวิรัตน์ วรศสิริน เลขาธิการพรรคที่ลาออกและได้รับการเลื่อนไปเป็นรองหัวหน้าพรรค และเสนอให้นายมังกร ยนต์ตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารอื่นๆยังคงเป็นเช่นเดิม
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวเปิดการประชุมว่า ขอให้กำลังใจกับสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคนที่สอบตก หลังพรรคเสรีรวมไทยได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพียง 1 คน ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องกระแสที่คนไทยอยากได้อย่างนี้
“ขอแสดงความเสียใจในการเลือกตั้งวันที่ 14พ.ค. แต่ขอให้ทุกคนอย่าเสียใจ เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องเปลี่ยน แต่ครั้งนี้ประชาชนต้องการแบบนี้ และเชื่อว่าสมาชิกพรรค มีความรู้ความสามารถ เช่น ผมเข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. ครั้งที่เเล้วเเละพบว่าส.ส. บางคนไม่มีคุณภาพ เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและผลประโยชน์ของพรรค ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ประเทศชาติส่วนรวม ซื้อ ขายตำแหน่งยิ่งกว่าข้าราชการเสียอีก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมฯตามลำดับ
ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกประชุมสมาชิกรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 19ก.ค.เป็นครั้งที่สอง หลังจากพรรคก้าวไกลต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยหลังการลงมติครั้งแรกไม่ผ่าน ล่าสุดสมาชิกรัฐสภาบางคนระบุว่าการที่พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้นจะดำเนินการไม่ได้ เพราะญัตตินี้ไม่ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาไปแล้วและมีกระแสข่าวว่า หากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯคนอื่นประกบ ก็จะเสนอชื่อนายพิธาได้อีก โดยหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า จะเสนอ 1-3 ชื่อได้ทั้งนั้นเพราะไม่มีข้อบังคับการประชุมระบุไว้ เช่นจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือนายพิธาอีกก็ได้เพราะข้อบังคับที่อ้างนั้นมันเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมเท่านั้น คนละเรื่องกับการเลือกนายกฯ ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือควรอ่านทั้งเล่มเเล้ว ค่อยมาพูดกัน ไม่ใช่อ่านแค่ข้อบังคับข้อที่ 41 ข้อเดียว แต่จะเถียงกันเช่นใดก็อยู่ที่อำนาจของประธานรัฐสภาว่าจะอนุญาตหรือไม่
เมื่อถามว่า ส.ส.และ ส.ว.น่าจะหารือเรื่องนี้กันหนักและอาจลงมติไม่ได้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า หากตนเป็นประธานรัฐสภาจะไม่ให้หารือเพราะพูดกันไปหมดแล้ว การลงมติวันที่ 13ก.ค.คือการลงมติเลือกนายกฯแต่กลับเป็นการอภิปรายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แทน
"เห็นว่าในการโหวตรอบที่2-3 สามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ เพราะไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์อะไร และช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันโหวตครั้งต่อไปก็เป็นเวลาที่พรรคก้าวไกลจะต้องไปเจรจารวบรวมเสียง ส.ว. แต่ยอมรับว่าโอกาสของพรรคก้าวไกลไม่มาก ส่วนใหญ่ปิดกั้นตัวเอง ยกมาตรฐานสูง เชื่อว่าในการโหวตวันที่ 19 ก.ค.พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอชื่อแข่ง แต่ยังเปิดให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี สนับสนุนกันเต็มที่ จะลงมติรอบที่ 2-3-4 ก็ได้ และไม่ต้องมีการอภิปรายแล้วเมื่อเปิดประชุมก็ให้ลงมติได้เลย โหวตเลย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ส่วนจะมีการเปลี่ยนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะต้องหารือกัน ร่วมกับพรรคอื่นๆใน 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนพรรคก้าวไกลจะถอยหรือไม่ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า แม้จะเปลี่ยนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังคงจับมือกับพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีการประกาศมาตลอด จะเสียคำพูดได้อย่างไร หากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้
"จุดยืนของพรรคคือ พร้อมร่วมกับทุกพรรคจัดตั้งรัฐบาล ยกเว้นพรรคเผด็จการ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ แต่ยอมรับ จับมือกับพลเอกประวิตรได้ ยืนยันว่าตนไม่ใช่คนที่จะปิดกั้นตัวเอง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว