'ปิยบุตร'ส่งสัญญาณ"เมื่อสู้สุดทางจะเห็นว่า ใครไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล”
“เรื่องนี้อัปยศอย่างมาก พรรคก้าวไกลเขาชนะการเลือกมาแล้ว แต่กลับมาทำกันแบบนี้ ผมพูดจากหลักเลยว่า พรรคก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้านก็ได้ เขาพร้อมเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านตลอดเวลา เมื่อสู้จนสุดทางแล้ว อย่างน้อยเขาก็ทำให้เห็นแล้วว่า ใครไม่ยอมให้เขาเป็นรัฐบาล”
เมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีแนวโน้มเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากขั้ว 312 เสียง ไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ที่ขาดอยู่ 64 เสียง ทำให้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้นำทางจิตวิญญาณ ต้องออกมาส่งสัญญาณให้กลับไปตั้งลำใหม่ พร้อมเป็น “ฝ่ายค้าน”
“ปิยุบตร” ให้สัมภาษณ์รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี ช่อง 22 ตอนหนึ่งว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก้าวไกลได้มาถึง 151 ที่นั่ง ดังนั้นจึงมีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเสนอ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี ตามระบบปกติที่ออกแบบกันมา โดยเมื่อรวมเสียงได้ 8 พรรคแล้ว ก้าวไกลก็จะต้องเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล แต่พอเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากกลไกที่มี ส.ว.250 คน ก็นับเป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้น
โดยมุมมองของตนที่มองจากข้างนอก มองว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้พยายามถอยหลายเรื่อง เช่น MOU 8 พรรคร่วม ก้าวไกลก็ยอมถอยหลาย โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นประเด็นอ่อนไหว ที่พรรคร่วมอื่นๆ ไม่เอาด้วย อย่างเช่น การแก้ไข ม.112 รวมถึงเก้าอี้ประธานสภาฯ ก็ถอยให้ และพอถึงเวลาเวลาแบ่งกระทรวง เชื่อว่าก้าวไกลก็จะยอมถอยให้อีกเช่นกัน ดังนั้นจะมาบอกว่า ก้าวไกลไม่ถอยเลยก็ไม่ใช่ แต่การถอยมีบางเรื่องที่ถอยไม่ได้ เพราะได้ไปรณรงค์หาเสียงไว้แล้ว
“ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จะเอาประเด็นเหล่านี้ไปปะปนกับการเลือกนายกฯ ทำไม เพราะเดี๋ยว ส.ส.349 คนที่เหลือก็ไปโหวตคว่ำในขั้นตอนที่ก้าวไกลเสนอในสภาฯ”
ปิยบุตร เชื่อว่า ส.ส. ก้าวไกล รู้ว่าถ้าเสนอแก้ไข ม.112 ไปในสภาฯ ก็จะตกตั้งแต่วาระแรก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอาไปปะปนกับการเลือกนายกฯ "อยากให้พูดตรงไปตรงมาเลยดีกว่าว่าจะไม่ให้นายพิธาเป็นนายกฯ และไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะเรื่องแก้มาตรา 112 เชื่อว่าจะตกในขั้นตอนของสภาฯแน่นอน แต่จะไม่ให้เขาทำในสิ่งที่หาเสียงไว้คงเป็นไปไม่ได้"
ส่วนอนาคต หรือบทสรุปก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่นั้น ปิยบุตร มองว่า อยู่ที่กรรมการบริหารพรรค และส.ส. จะตัดสินใจกันอย่างไร "แต่ในมุมของผมคือ ถ้าคุณสู้จนถึงที่สุดแล้ว ไปไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถือว่าสุดทางแล้ว ก็ต้องยอมรับ ไม่ต้องร้องห่มร้องไห้ หรือรู้สึกผิด เพราะคุณกำลังทำให้สังคมไทยเห็นว่า ตลอด 2-3 เดือน ที่ผ่านมาของการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดคือพล็อตเดียวกันคือ ไม่ให้พิธาเป็นนายกฯ และไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล”
เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่พรรคก้าวไกลต้องยอมรับจริงแล้วหรือไม่ ปิยบุตร กล่าวว่า ทุกคนมีความเชื่อไม่เหมือนกัน นิด้าโพลสำรวจว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 40 เชียร์ให้รัฐสภาโหวตชื่อพิธาไปเรื่อยๆ ถามว่าเราดื้อไหม เราจะดื้อดึงอย่างนั้นได้อย่างไร
เขาพยายามใช้ข้อบังคับการประชุม เพื่อไม่ให้โหวตชื่อพิธาซ้ำ แต่ในข้อบังคับการประชุมมีข้อยกเว้นอยู่ว่า เว้นแต่ญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งประธานรัฐสภามีดุลยพินิจบอกได้ว่าเหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คุณจะรู้ได้ยังไงว่าพรรคก้าวไกล อาจจะได้ ส.ว. เพิ่ม พรรคก้าวไกลไปคุยกับ ส.ส. พรรคอื่น แล้วจะได้เพิ่มหรือไม่
“ดังนั้นประธานรัฐสภาควรใช้อำนาจตัวเอง เราควรรักษาหลักการใช้ข้อบังคับเอาไว้ คุณไม่ชอบพิธาไม่เป็นไร ให้รักษาหลักเอาไว้ก่อน พิธา เขาเตรียมเปลี่ยนให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากเห็นพิธา เป็นนายกฯ ไม่อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล คุณก็ใจเย็นๆ คุณยกมือไม่โหวตไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไม่ได้เป็นเอง”
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ชื่อคุณพิธา จะนำมาโหวตนายกฯได้หรือไม่ ปิยุบตร กล่าวว่า ครั้งที่แล้วธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่สามารถเข้ามาโหวตนายกฯได้ อีกอย่าง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานะของความเป็นแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อถามถึงเสียงเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลถอยการแก้ไข ม.112 เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. และ ส.ว. โหวตให้เป็นรัฐบาล ปิยบุตร ระบุว่า ยืนยันว่าพิธา กับพรรคก้าวไกล เขาถอยเรื่อง ม.112 ไปแล้ว เพราะมันไม่อยู่ในเอ็มโอยู ไม่มีข้อตกลงว่ารัฐบาลพรรคก้าวไกลจะดำเนินการแก้ไข ม.112
“คุณต้องดูนโยบายว่ารัฐบาลนี้คุณไม่ชอบก็ไปโหวตกัน ผมจึงยืนยันว่าเขาถอยไปแล้ว แต่กับไปเอาเรื่อง ส.ส. 151 คนของพรรคก้าวไกล ซึ่งเขาจะเอากฎหมายเข้าไปแก้ในสภา ซึ่งแตกต่างกัน ตอนนี้คุณคุยเรื่องการเลือกนายกฯ พรรคก้าวไกลเสนอม.112 เข้าสภา คุณก็คว่ำไปซิ มันก็จบแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้างที่เอามาใช้ ต่อให้พรรคก้าวไกลไม่แก้ ม.112 เลย เดี๋ยวก็หาเรื่องอื่นมาอีก เอากันชัดๆ พวก ส.ว. ไม่อยากให้ พิธาเป็นนายกฯ ไม่อยากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล”
เมื่อถามว่า ทำไมไม่แนะนำให้พรรคก้าวไกลถอยออกจากสมการไปเลย ปิยบุตร กล่าวว่า “ต่อให้เราถอยเท่าไร เขาก็ไม่โหวตให้อีก เพราะวิธีคิดของเขา เขาไม่อนุญาตให้พิธา และพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นี่คือวิธีคิดของเขา แต่เวลาแสดงเหตุผล ต้องเอาทุกเรื่องมาประกอบ”
ปิยบุตร ทิ้งท้ายว่า “เรื่องนี้อัปยศอย่างมาก พรรคก้าวไกลเขาชนะการเลือกมาแล้ว แต่กลับมาทำกันแบบนี้ ผมพูดจากหลักเลยว่า พรรคก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้านก็ได้ เขาพร้อมเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านตลอดเวลา เมื่อสู้จนสุดทางแล้ว อย่างน้อยเขาก็ทำให้เห็นแล้วว่า ใครไม่ยอมให้เขาเป็นรัฐบาล”