"พิธา" โบกมือออกจากห้องประชุมรัฐสภา หลังศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมรัฐสภา ได้ใช้เวลาถกเถียงกันนานกว่า 2 ชั่วโมง ว่าการเสนอญัตติข้อหารือว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง ทำได้ตามข้อบังคับข้อประชุมรัฐสภา ข้อ 41 หรือไม่ ซึ่งนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกเสนอญัตติพร้อมเสนออภิปรายว่าไม่สามารถทำได้ เพราะชื่อของนายพิธา ที่เสนอครั้งแรกนั้นไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา แล้วเมื่อ 13 กรกฎาคม 2566

ทั้งนี้เมื่อเวลา 11.55 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ฐานะประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัย หลังจากที่รับฟังข้อโต้แย้งจากสมาชิกพรรคการเมือง ว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 150 และข้อ 151 ที่สมาชิกรัฐสภามีสิทธิเสนอ และต้องมีคนรับรองไม่น้อยกว่า 40 คน และต้องใช้การลงมติด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสองสภาฯ

อย่างไรก็ดีเมื่อประธานรัฐสภาวินิจฉัยแล้วยังไม่สามารถเข้าสู่สาระตามที่ได้วินิจฉัยไปแล้วได้

จนเมื่อเวลา 12.05 น. นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ลุกขึ้นอภิปรายแจ้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ถูกส.สพรรคก้าวไกลประท้วง จนมีเหตุวุ่นวาย ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห ว่าจะถกเถียงกันอีกกี่ครั้ง ตนเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ พร้อมขอให้นั่งลง

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ได้ประท้วงนายกิตติศักดิ์ว่า ในประเด็นคำวินิจฉัยของศาลควรรอหนังสือราชการ อย่าใจร้อนหรือกระเหี้ยนกระหือรือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น นายพิธา ได้เดินออกจากห้องประชุม ทางประตูหลัง โดยชูบัตรประจำตัว ส.ส.และโบกมือ ไปยังด้านหน้าห้องประชุมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดประเด็นวิวาทะระหว่างนายวิโรจน์และนายกิตติศักดิ์ นายพิธาได้เดินกลับเข้าห้องประชุม และนั่งในเก้าอี้ประจำของตัวเอง.

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์