เมื่อไรประเทศไทย จะมี ‘รัฐบาลใหม่’

71 วันแล้วหลังจากประเทศไทย จัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รัฐบาล ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศ

ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกซวนเซ เศรษฐกิจไทยซบเซา แม้จะมีรัฐบาลรักษาการ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายใด เพราะรัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำสิ่งที่รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มทำได้

รัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติงานหรือโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ รวมถึงข้อห้ามอื่นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งข้อห้ามส่วนใหญ่ ก็เป็นสิ่งที่ประเทศต้องการในขณะนี้  

สถานการณ์การเมืองที่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตข้างหน้าได้ เป็นสุญญากาศในการบริหารประเทศ ทำลายบรรยากาศการลงทุน

การปล่อยให้ประเทศมีรัฐบาลรักษาการยาวนานขนาดนี้ ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่น ซึ่งการมีรัฐบาลรักษาการที่ยาวนานขนาดนี้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาก่อน ทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวล

หากเรายังปล่อยให้ประเทศไร้รัฐบาล ไร้ผู้นำประเทศ ผลกระทบทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นแน่ๆ ล่าสุด ผอ.สำนักงบประมาณ ออกมาระบุว่า การที่ยังไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม แต่เป็นรัฐบาลรักษาการต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน จะกระทบการจัดทำและการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะที่เป็นงบประมาณลงทุนใหม่ งบประมาณการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ

นักธุรกิจเอง ก็เฝ้ารอความชัดเจนในทางการเมือง เพื่อเป็นแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ในห้วงที่ทั้งโลกยังมีความผันผวน มีปัจจัยท้าทายมากมายที่พร้อมเป็นความเสี่ยงต่อประเทศ

หากการบ้านการเมืองของเรายังไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หรือยังไม่เห็นสัญญาณบวก ขณะที่เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง ยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงสำคัญอีกมากมาย ทั้งความไม่แน่นอนในต่างประเทศ ส่งผลกระทบทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนทุกอย่าง การส่งออกไทยจนถึงวันนี้ยังติดลบ แม้ว่าคาดการณ์ปลายปีจะกลับมาเป็นบวกก็ตาม 

ประเทศไทย จึงควรมีรัฐบาลใหม่ให้ได้โดยเร็ว เพื่อปลุกฟื้นความเชื่อมั่นให้ประเทศ กลับมาเป็นทำเลทองของนักลงทุน มีจุดยืนทางการค้าโลกที่ชัดเจน

ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ สังคม ปรับตัวดีขึ้น มียุทธศาสตร์บริหารบ้านเมืองที่สอดรับโลกยุคใหม่ ในสายนักลงทุนทั่วโลก ก็จับจ้องมองอยู่ อยากเห็นรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ที่มีเสถียรภาพบริหารงานได้ในระยะต่อๆ ไปได้

เราต้องแสดงให้เห็นว่า มีความพร้อมมีนโยบายในการดึงการลงทุน หากไทยไม่โชว์ศักยภาพที่เจิดจรัสมากพอ ไม่มีรัฐบาลใหม่ ไม่มีผู้นำประเทศ ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่เราอาจต้องสูญเสียเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนที่พร้อมลงทุนในไทยไปให้ประเทศเพื่อนบ้าน