เกมอำนาจ ‘ทักษิณ-เนวิน’ ‘วิน-วิน’ นะครับนาย !
“แผลลึกในใจ” ระหว่าง “นายใหญ่” 2 ค่ายจากวลี “มันจบแล้วครับนาย” ยามนี้อาจแปรเปลี่ยนเป็น“จุดร่วม” แบบ “วิน-วิน” นะครับนาย
“การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” วลีนี้ยังถือว่าใช้ได้กับการเมืองไทยแทบทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่ “สูตรจับขั้ว” จัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่เวลานี้
การจัดตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อมากว่า 70 วัน ขณะที่กระบวนการเลือกนายกฯ ที่ผ่าน 2 รอบ ยังไร้ซึ่ง “ประมุขฝ่ายบริหาร” กระทั่งมีการส่งไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล ไปยังพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคลำดับ 2 ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นับเป็นการตอกย้ำถึงสัญญาณการเมืองที่ต้องจับตาอย่างยิ่งยวด
เมื่อเสียง 8 พรรค + 13 ส.ว. ที่ลงมติให้ความเห็นชอบ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลมีเพียง 324 เสียง และยังไม่มีทีท่าว่า จะเพิ่มขึ้นแบบมีนัยสำคัญ ตามที่พรรคก้าวไกลคาดหมาย
ช็อตต่อไปที่ต้องจับตา คือ การดึงเสียงจากขั้วรัฐบาลเดิมให้ครบ 375 เสียง โดยเฉพาะ “ค่ายสีน้ำเงิน” อย่างภูมิใจไทย ในฐานะพรรคลำดับ 3
อย่างที่รู้กันว่า ด้วยสไตล์การเมืองแบบ “โนสนกระแส-เน้นสาดกระสุน” ทำให้การเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาภูมิใจไทยกวาดส.ส.จากเหนือจรดใต้มาได้ถึง 71 คน ทำให้ยามนี้ภูมิใจไทยอยู่ในฐานะถือแต้มต่อรองได้อยู่ไม่น้อย
วงจิบช็อกมิ้นต์เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา “อนุทิน ชาญวีรกูล” และแกนนำพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”เลขาธิการพรรค และ “ไชยชนก ชิดชอบ” ส.ส.บุรีรัมย์ น้องชายและลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “พ่อใหญ่เมืองปราสาทหิน” เนวิน ชิดชอบ เป็นพรรคแรกที่ยกขบวนไปถึงพรรคเพื่อไทย หยอดคำหวานได้กลับบ้านเก่า
แม้ “ชลน่าน ศรีแก้ว” รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยจะบอกว่า เป็นเพียงการพูดคุยสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการโหวตนายกฯไม่ใช่การเทียบเชิญร่วมรัฐบาล
แต่การปรากฏตัวร่วมกันระหว่าง 2 พรรคการเมือง ทั้งที่ในช่วงเลือกตั้ง บู๊ห้ำหั่น “ไล่หนู-ตีงูเห่า” กันเอาเป็นเอาตาย ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงสัญญาณการเมืองที่ต้องจับตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ต่างจากสัมพันธ์ของ“นายใหญ่” 2 ค่าย จากวลี “มันจบแล้วครับนาย” ที่สร้างแผลลึกในใจมายาวนานกว่า 15 ปี ถูกจับตาอีกครั้งว่ายามนี้แปรเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด
ย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้ช่วงค่ำวันที่ 24 ธ.ค.2565 “เนวิน ชิดชอบ” ผู้ซึ่งสถาปนาตัวเองเป็น “ครูใหญ่”ค่ายสีน้ำเงิน กล่าวระหว่างเปิดอาณาจักรสนามช้างอารีน่า อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จัดงาน BURIRAM ถิ่นภูเขาไฟ ไดโนเสาร์ COUNTDOWN 2023 ถึงสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งปี 2566 รวมถึงสัมพันธ์ระหว่างตนเองและ “นายใหญ่” ค่ายเพื่อไทย เป็นนัยว่า หลังการเลือกตั้งทุกพรรคสามารถจับมือกันได้
“ประเทศไทยกับการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร เชื่อผมเลย และสิ่งที่มันเป็นกลไกสำคัญที่สุด การตัดสินของประชาชน ณ วันลงคะแนนเลือกตั้ง จะเป็นตัวบังคับให้นักการเมือง และพรรคการเมืองต้องรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร”
เขายังย้ำว่า “เรื่องแบ่งขั้ว เลิกคิดได้แล้ว เรื่องขั้ว ถ้าเมื่อไหร่ เรายังแบ่งขั้ว แบ่งสี อยู่แบบนี้ บ้านเมืองมันไปไหนไม่ได้”
อุปมาอุปไมยระหว่าง จ.บุรีรัมย์ กับ การเมือง “เนวิน” เปรียบเทียบว่า “ส่วนหนึ่งที่บุรีรัมย์มาถึงวันนี้ แล้วพัฒนาแบบก้าวกระโดด ใน 10 ปี เติบโตกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย เพราะเราไม่มีขั้ว”
ยามนั้นใครจะเชื่อเมื่อทั้ง "เพื่อไทย" และ "ภูมิใจไทย" ต่างเป็นไม่เบื่อไม้เบา โดยมีปมแค้นจะการเปิดฟาร์มงูเห่าดูดส.ส.
ถึงขั้น "คนแดนไกล" ส่งสัญญาณไปถึงภูมิใจไทย หากที่สุดเสียงไม่พอภูมิใจไทยจะเป็นช้อยสุดท้ายเพื่อไทยจะเลือก
สวนทางกับ “อนุทิน” หัวหน้าพรรค ช่วงที่ผ่านมามีความพยายาม “ทอดไมตรี” พลิกขั้วไปยังพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจังหวะที่ความสัมพันธ์ของ “เพื่อไทย” และ“ก้าวไกล” กำลังสั่นคลอน รอวันหย่าร้างใกล้เข้ามาทุกที
จึงไม่แปลกที่ภูมิใจไทย รวมถึงพรรคการเมืองขั้ว 188 พรรค จะชิงจังหวะดันสูตร “มีก้าวไกล ไม่มีเรา” ในการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลท่ามกลางสัญญาณการเดินทางกลับบ้านของ "ทักษิณ" ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่อาจไม่มีก้าวไกลเป็นอุปสรรคขวากขนามสำคัญ
ไม่ต่างจาก “แผลลึกในใจ” ระหว่าง “นายใหญ่” 2 ค่ายจากวลี “มันจบแล้วครับนาย” ยามนี้อาจแปรเปลี่ยนเป็น“จุดร่วม” ที่สมประโยชน์ร่วมกันแบบ “วิน-วิน” นะครับนาย!!!!