“ปณิธาน” ชี้ “ทักษิณ” กลับไทย ตัวช่วยฝ่ายอนุรักษนิยม บริหารจัดการ “ก้าวไกล”
“ปณิธาน” ชี้ “ทักษิณ” กลับไทย ถ้ายอมรับกระบวนการยุติธรรม จะไม่ยุ่งยาก มอง เป็นตัวช่วยฝ่ายอนุรักษนิยม เคลียร์ “ก้าวไกล” แนะ ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์ ระบุ รอบนี้ จังหวะพีคสุด แก้ปัญหาแปรปรวนใน พท. มีลุ้น เดินหน้าต่อได้
นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง ความมั่นคง และการต่างประเทศ ให้ความเห็นถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ว่า ประเด็นแรกอยู่ที่การชี้แจงเงื่อนไขทางกฎหมายและเงื่อนไขอื่นๆ ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการกลับมาได้ดีขนาดไหน ฝ่ายตรงก็เปลี่ยนท่าทีไปบ้างแล้ว
“ทีท่าของนายทักษิณเองถ้าเปลี่ยนไปก็อาจจะไม่มีความยุ่งยากมากนัก สิ่งที่คนต้องการเห็นมากที่สุดคือนายทักษิณยอมรับกระบวนการยุติธรรม แทนที่จะพูดโน้นพูดนี่แบบเมื่อก่อน ก็คงคุยกันไปแล้วว่าต้องทำอะไรเมื่อไหร่อย่างไร เมื่อรับกระบวนการไปแล้วก็ต้องอยู่นิ่งๆ ถ้าให้สัมภาษณ์ทุกวัน คนก็จะรู้สึกถึงบรรยากาศเดิมๆ มีการชี้นำ ต้องโลว์โปรไฟล์จริงๆ ไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นเงื่อนไข ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่าน สังคมไทยผมว่าเริ่มยอมรับแล้ว ที่สำคัญฝ่ายอนุรักษนิยมมองว่าจะได้ช่วยเขาจัดการกับก้าวไกล ก็ลงตัวกันมากขึ้น ทำให้ข่าวนี้มีน้ำหนักเยอะ” นายปณิธาน ระบุ
นายปณิธาน กล่าวว่า ประเด็นต่อมาคือต้องดูความเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งสองฝ่าย ขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก แต่ระยะต่อไปเมื่อเข้ามาแล้ว ถ้าเข้าใจเงื่อนไขรับกันได้ก็ปัญหาน้อย แต่ถ้ารับไม่ได้ มวลชนที่กำลังเริ่มเคลื่อนไหวซึ่งไม่พอใจกับการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในตอนนี้ อาจก่อตัวแรงขึ้น จะจุดติดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะจัดตั้งจะลงตัวหรือไม่ เงื่อนไขต่างๆ ก้าวไกลรับได้หรือไม่ หรือจะตัดใจไปเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบเพื่อไทย ถ้าทำอย่างนั้นก็เดินได้
นายปณิธาน ระบุถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยกำหนดการกลับของนายทักษิณนั้น ย่อมหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่กลับมาช่วงนี้ ตนมองว่าเพื่อไทยก็อาจจะแปรปรวนมาก ตัดสินใจอะไรไม่ได้ คนในพรรคต่างว่ากันไปคนละทาง แต่ถ้าประกาศไปแล้วไม่กลับ ตนมองว่าก็คงเป็นเรื่องคดี สิ่งที่นายทักษิณรับไม่ได้มาก คือถูกดำเนินคดีแบบสุดๆ ก็ต้องคุยกันให้ดี
“จังหวะนี้พีคสุดแล้ว ถ้ากลับมาแล้วเดินได้ดี ไปได้เลย แต่ถ้าไม่มามีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการพังได้ รวมถึงถ้ารองรับก้าวไกลได้ไม่ดี”
ขณะที่การกลับมาของนายทักษิณ จะมีผลต่อการตัดสินใจโหวตนายกฯ ครั้งที่3 ของสว. หรือไม่นั้น นายปณิธาน มองว่า น่าจะมีผล ถ้ากลับมาแล้วจัดระบบได้ เช่นคุมก้าวไกลได้ หรือผลักอย่างสันติให้ไปเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบเพื่อไทย ตนว่าสว.ก็รับได้ แต่ต้องมีคนแบบนายทักษิณมาจัดระบบตรงนี้ และนายทักษิณมีผลต่อการตัดสินใจของก้าวไกลอีกด้วย เพราะนายทักษิณถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของฝ่ายประชาธิปไตยดั่งเดิม 17 ปี แรงไม่ตกเท่าไหร่
“กลับมาประเทศวุ่นวายอยู่แล้ว มันต้องมีคนเคลื่อนไหว กลับมาก็เป็นเป้าก็ต้องดูให้ดี แต่ถ้าบริหารจัดการได้ก็พอได้เหมือนหลายประเทศ ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องตีกรอบให้ดี รวมถึงนายทักษิณด้วย เหมือนชกมวยก็ต้องชกกันอยู่แล้ว แต่ต้องมีกติกา”
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่านายทักษิณ สามารถช่วยประคับประคองสถานการณ์ตอนนี้ได้ อย่างการเคลียร์กับก้าวไกล มีวิธีหรือทางออกอย่างไร นายปณิธาน มองว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างต่างๆ ที่นายทักษิณ เองก็ติดใจ เพราะได้รับผลกระทบมานาน ต้องการแก้ปัญหา ลดอำนาจฝ่ายอนุรักษนิยม ฝ่ายทหาร จัดระเบียบต่างๆ ให้ดี ไม่ให้มีความแปรปรวน สิ่งที่ก้าวไกลโดน นายทักษิณโดนมาหมดแล้ว จึงสามารถแบ่งปันอารมณ์ร่วมได้ นายทักษิณต้องใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ แต่จังหวะการเดินจะเปลี่ยนอย่างไรเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้ความรู้แนะนำก้าวไกลได้ว่าจะไปทางเดียวกัน แต่หลายอย่างมีขั้นตอนในการทำ อยู่ๆ จะไปยกเลิกก็หายนะ เช่นครั้งยกเลิกศอ.บต. ดังนั้น ถ้าฟังกันก็สามารถแบ่งปันร่วมมือกันได้