17ปีวนลูป‘ละครปรองดอง’ ‘ทักษิณ-บิ๊กบัง-อนุทิน’เวอร์ชั่น2
17ปี "ละครปรองดอง" ถูกนำกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ผ่านสูตรจับขั้วการเมืองตอกย้ำถึงบริบทการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร!!
การประกาศเดินทางกลับประเทศไทยของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่10ส.ค. นี้ นับเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางการเมือง โดยเฉพาะกระบวนการโหวตเลือกนายกฯ คนที่30 เป็นรอบที่3ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน
ไม่ต่างจากกระแส "ซูเปอร์ดีล" สูตรจับขั้วตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ในการจับมือกับพรรคการเมืองสีต่างๆซึ่งถูกปล่อยออกมา ซึ่งต้องจับตาว่า ที่สุดแล้วสารพัดสูตรผสมสีที่ปรากฎเวลานี้จะไปลงตัวที่สมการใด
ขณะที่อีกหนึ่งบุคคล ซึ่งถูกมองว่า เป็นตัวละครสำคัญในฉากการเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์รัฐประหาร2549 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางออกนอกประเทศของ “ทักษิณ” หนีไม่พ้น “บิ๊กบัง” พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.และ อดีตหัวหน้าคณะรักษาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รัฐประหาร 19 กันยายน 2549
การเดินทางกลับมาตุภูมิของ “ทักษิณ” ในมุมมองของ “บิ๊กบัง” ผ่านการให้สัมภาษณ์กับ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร เขามองว่า มันเป็นขั้นตอนตามกฏหมายก็เป็นสิทธิที่เขาจะกลับมาได้ เขาเป็นคนไทย ก็สามารถกลับมาได้ เพราะเป็นบ้านเขา แต่ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและ เป็นการดี เพราะจะได้เข้าสู่กรอบ ของการปฎิบัติตามขั้นตอนตามกฏหมาย ก็ดีแล้วล่ะกลับมาจะได้มาสู้คดีเพราะ สาเหตุ มันมีหลายเรื่อ ที่ปรากฏในภายหลังด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องความมั่นคง
ช่วงหนึ่ง “บิ๊กบัง” ยังยอมรับถึงสมัยเป็นส.ส.ว่า “เคยคุยกับท่านทักษิณ เพราะผมเป็นประธานกรรมาธิการปรองดอง เพราะท่านทักษิณก็อยากให้ปรองดองเลิกความขัดแย้ง”
ย้อนฉากการเมืองกลับไปในช่วงเหตุการณ์หลังรัฐประหาร2549 การเมืองเวลานั้นได้ก่อกำเนิด “พรรคมาตุภูมิ” ขึ้นในช่วงปลายปีพ.ศ. 2551 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคือสมาชิกส.ส.กลุ่มวาดะห์และกลุ่มปากน้ำของ “วัฒนา อัศวเหม” ย้ายเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยแรกเริ่มมี “มั่น พัธโนทัย” เป็นหัวหน้าพรรค
แต่เดิมพรรคมาตุภูมิอยู่ฝั่งเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย โดยการลงมติเลือกนายกฯ ในเดือนธ.ค.2551 แทน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ที่พ้นจากตำแหน่งจากคดียุบพรรคพลังประชาชน เวลานั้น “3ส.ส.มาตุภูมิ” ยกมือสนับสนุนพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย โดยมีคู่แข่ง คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ก่อนที่ในปี2552 พรรคมาตุภูมิได้เชิญ “บิ๊กบัง” รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งแรกในปี2554 ได้ส.ส.เข้าสภา2คนหนึ่งในนั้น “บิ๊กบัง” ทำหน้าที่ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน”ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทว่าในเวลาต่อมาสังเวียนรัฐสภาอู่ทองใน ต้องลุกเป็นไฟ โดยในช่วงต้นปี2555 “บิ๊กบัง” ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แต่กลับมีการเสนอร่างพ.ร.บ.ด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ....... เป็น1ใน6ร่างแก้ไข โดยอีก5ร่างที่เหลือเป็นการเสนอโดยส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด
นำมาสู่การตั้งคำถามจากพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน ถึง “เกมเกี๊ยเซี๊ย” ระหว่าง “บิ๊กบัง” และ “ทักษิณ” ซึ่งเป็นผู้ที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ไม่ต่างอะไรกับแผนในการนิรโทษกรรมบรรดาคดีความต่างๆของอดีตนายกฯแบบสุดซอย รวมถึงคืนเงินที่ถูกยึดทรัพย์ 4.6หมื่นล้านให้กับ “ทักษิณ”
ในปีเดียวกัน “บิ๊กบัง” ในฐานะประธานกมธ.ปรองดอง ตอบคำถามผ่านเวทีเสวนาปรองดอง โดยเฉพาะคำถามของ “เสธหนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาเวลานั้น ที่ตั้งคำถามว่า สาเหตุหนึ่ง ที่นำมาซึ่งความขัดแย้ง ก็คือการทำรัฐประหาร เพราะฉะนั้น หากจะเริ่มกระบวนการสร้างความปรองดองกัน ก็จะต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า มูลเหตุของการทำรัฐประหารคืออะไร และทำเพื่ออะไร
เหตุการณ์วันนั้นนำมาสู่วาทะในตำนานและถูกกล่าวขานมาจนทุกวันนี้ที่ว่า “คำถามบางประการ ตายแล้วก็ตอบไม่ได้”
การเสนอโมเดลปรองดองในครั้งนั้นที่แม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่มีการมองว่า ไม่ต่างอะไรกับการจุดพลุนำมาสู่การเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในเวลาต่อมา กระทั่งการเมืองสุกงอมและเกิดการรัฐประหารโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี2557 ในที่สุด
ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหารปี2557 เวลาต่อมาในยุค “รัฐบาลคสช.” ช่วงต้นปี2560มีการเปิดเผยโดยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึง “ซูเปอร์ดีล” ระหว่าง “บิ๊กบัง-ทักษิณ” รวมถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ก่อนที่ต่อมาจะมีการยอมรับจากทางฝั่งภูมิใจไทย โดย “ศุภชัย ใจสมุทร” รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเกมเกี๊ยเซี๊ยระหว่าง “3บิ๊กเนม”
แต่ยอมรับว่า “อนุทิน” เป็นคนนำ พล.อ.สนธิไปพบ “ทักษิณ” ในช่วงช่องการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ แต่เป็นการนำคู่ขัดแย้งให้พบกัน อันเป็นประโยชน์ในการสร้างความปรองดองเท่านั้น
ไม่ต่างจาก “บิ๊กบัง” ที่ออกมายอมรับถึงการต่อสายหา “ทักษิณ” 7วันหลังรัฐประหาร
17ปีผ่านไปนับตั้งแต่ที่ “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศ ดูเหมือนว่า หลากหลายฉากในละครปรองดองในอดีตจะวนเวียนกลับมาในปัจจุบัน โดยเฉพาะบรรดา “สูตรจับขั้ว” ชิงเกมตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ ณ เวลานี้ ซึ่งตกเป็นของพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำ หลายช็อตหลายตอนแทบไม่ต่างจากในอดีต
ทั้งฝั่ง “ภูมิใจไทย” ที่แม้ก่อนเลือกตั้งจะ“บู๊ห้ำหั่น” กับค่ายเพื่อไทยแบบดุเดือด แต่ยามนี้ดูเหมือนว่า เตรียมแต่งตัวรอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้
ขณะที่ “บิ๊กบัง” แม้เวลานี้จะถอยหลบฉากการเมือง แต่หากถอดเวิร์ดดิ้งจากคำให้สัมภาษณ์ ที่มองว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องหาวิธีทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พร้อมยกสโลแกนพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อนรักเป็นหัวหน้าพรรค ที่ชูสโลแกน “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” เหมือนกับสมัยตนเองที่เคยเสนอ"ลืมอดีต คิดปัจจุบัน และสร้างอนาคต"
17ปีผ่านไปละครปรองดองถูกนำกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งท่ามกลางสารพัดสูตรจับขั้วทางการเมือง ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงบริบทการเมืองไทยที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร!!