พปชร.รวบตึง ต่อรองอำนาจ ลุ้นเปลี่ยนผ่าน จากพี่สู่น้อง
การขึ้นมาของ ป.ป๊อด ก็ทำให้คนใน พปชร. ต่างพูดกันพอสมควรว่า หรือนี่จะเป็นสัญญาณเปลี่ยนผ่าน เตรียมทางขึ้นให้กับน้อง และเตรียมทางลงให้กับพี่ใหญ่ ด้วยหรือไม่
การปรับทัพพลังประชารัฐ ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคกันใหม่ ในช่วงที่การจัดตั้งรัฐบาลกำลังเข้าสู่ช่วงทีเด็ดทีขาด และใกล้วันดีเดย์โหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่4 ส.ค.นี้
การประชุม พปชร. เมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา อาจจะเซอร์ไพรส์อยู่บ้าง ตรงพิธีกรรมทางการเมืองเมื่ออยู่ๆ ไพบูลย์ นิติตะวัน แจ้งในที่ประชุมสามัญประจำปีว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่งผลให้ กก.บห.ชุดเก่าพ้นสภาพทันที
โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ต้องหลุดมือไปโดยปริยาย ทำเอาเจ้าตัวช็อกกลางวงประชุม เพราะบางกระแสข่าวระบุว่า ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน
ก่อนที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร จะถูกเสนอกลับมาให้เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง แบบไร้คู่แข่ง และการกลับมาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับตำแหน่งเลขาฯพรรค หนสอง จากนั้นก็มีคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร แต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นั่งประธานที่ปรึกษาพรรค ถือว่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที
เท่ากับว่า เกมรวบตึงอำนาจบริหารพรรคคราวนี้ ถูกเซตขึ้นโดยคนไม่กี่คนภายในพรรค เพราะแกนนำพรรคส่วนใหญ่ที่เหลือแทบจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวใดๆ มาก่อน แถม พล.อ.ประวิตร ดูจะหลิ่วตาให้กับทางฝ่ายผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคคราวนี้เสียด้วย
งานนี้ ทำเอาแกนนำหลายคนของพรรคที่ร่วมประชุม ส่ายหัวกันเป็นแถว เพราะไม่คิดว่าเกมลักษณะนี้จะถูกหยิบมาใช้อีก ถึงขนาดแกนนำบางคนพูดกันระหว่างนั่งประชุมว่า “ทำอย่างนี้มากเกินไป พรรคจะแตก แบบนี้อยู่กันยาก อยู่กันไม่ได้ จะทำ ทำไม”
จะเห็นได้ว่า กก.บห.ล่าสุดของพลังประชารัฐ เต็มไปด้วยลูกหาบสายผู้กองเพียบ ไม่เว้นแม้แต่ 3 สส.ใหม่ อย่าง สุธรรม จริตงาม สส.นครศรีฯ กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย และกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ
ที่เห็นชัดที่สุดคือก๊วนปากน้ำ ที่แม้จะแพ้เลือกตั้งยับเยิน ก้าวไกลแลนด์สไลด์กวาดไปทั้งจังหวัดแต่กลับได้นั่งกก.บห. ถึง 2 คน คือ ยงยุทธ สุวรรณบุตร และอัครวัฒน์ อัศวเหม เพราะได้แบ็กอัปชั้นดี ป.ป๊อด พัชรวาท หนุนนั่นเอง
ไม่ต่างกับการฟื้นคืนบทบาทเลขาฯ พรรคของธรรมนัส ก็ไม่น่าจะผิดความคาดหมายว่าได้แรงหนุนจาก ป.ป๊อด ด้วยเช่นเดียวกัน นับว่าเป็นคู่บุญกันมานาน โดยเฉพาะในยามที่ผู้กองต้องรับบททำงานใหญ่ในทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา จะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
คนที่น่าจะรู้ความเจ็บแสบดีที่สุดน่าจะเป็น 2 ป. ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องหัวหมุนแก้เกมล้มนายกฯ ในสภา และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่โดนอดีต สส.ปากน้ำพปชร.6 คน โหวตไม่ไว้วางใจ และสุดท้ายก็ได้รับการปูนบำเหน็จโควตารัฐมนตรีให้กับสายตรงบ้านใหญ่อัศวเหม อย่าง สุนทร ปานแสงทอง ในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตามที่ลุงป้อมเคยรับปาก
การขึ้นมากระชับอำนาจของพัชรวาท และธรรมนัส ถูกตั้งข้อสังเกตจากคนในพปชร.อย่างกว้างขวาง ต้องการโชว์พาวเวอร์ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงในการเจรจาร่วมรัฐบาล ปูทางสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ต่างถูกพูดถึงว่า 2 คนนี้ต่างมีเก้าอี้ที่หมายตาเอาไว้แล้วหรือไม่
บ้างก็ว่า ป.ป๊อด อยากนั่งรองนายกฯ ฝันอยากคุมตำรวจ บ้างก็ว่าอยากคุมมหาดไทย ไม่ต่างกับธรรมนัส ก็มักถูกพูดถึงว่าอยากนั่ง มท.1 บ้างก็ว่ากระทรวงเกษตรฯ หรือบางกระแสระบุว่า อยากได้แค่จับกัง 1 หรือแรงงาน
แต่เอาเข้าจริง ดีลเมกเกอร์คนสำคัญของเพื่อไทย รู้ดีว่าหากจะต้องดีลกับ พปชร. คนที่เป็นตัวจริง คือใครกันแน่ เพราะบางคนที่ถูกพูดถึงนั้น คนนอกพรรค พปชร. ก็ยังกังขาว่า มีเครดิตเพียงพอที่จะทำงานใหญ่ได้จริงหรือไม่ เพราะเคยมีประวัติทิ้งทัพระหว่างจับศึก ปล่อยมิตรร่วมรบเคว้งกลางทาง จนทุกวันนี้ เงาแทบจะไม่เหยียบกันเลย
ที่สำคัญการขึ้นมาของ ป.ป๊อด ก็ทำให้คนใน พปชร. ต่างพูดกันพอสมควรว่า หรือนี่จะเป็นสัญญาณเปลี่ยนผ่าน เตรียมทางขึ้นให้กับน้อง และเตรียมทางลงให้กับพี่ใหญ่ ด้วยหรือไม่บรรยากาศในพรรคตอนนี้ ดูเหมือนความอึมครึมกำลังเข้าปกคลุมมากขึ้นทุกขณะ