ผิดหวัง & เสียใจ ประชาธิปไตยไทยแท้ | กันต์ เอี่ยมอินทรา
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทย จะไม่มีพรรคก้าวไกล ที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดอันดับ 1 จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังจากพรรคเพื่อไทยแถลงแยกทางกับพรรคก้าวไกล
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้เกินไปกว่าความคาดหมาย
ผิดหวังที่เพราะระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เต็มใบของไทยนั้น ทำให้เกิดความผิดปกติจนถึงขั้นทำให้เสียงของประชาชนดูเหมือนจะพิกลพิการ และถูกแทนที่ด้วยอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ผ่านทาง สว. ซึ่งไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชนเลย
ผิดหวังที่นโยบายที่ดูก้าวหน้าทันสมัยและต่อต้านการผูกขาดและคอร์รัปชันของพรรคอันดับ 1 จะไม่ได้ถูกนำมาแม้แต่ทดลอง ประชาชนจำนวนมากลงเสียงให้พรรคอันดับ 1 เพื่อหวังจะเห็นนโยบายที่เสนอนำมาทดลองใช้จริง พร้อมกับเชื่อมั่นในหลักการที่พรรคเสนอ ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ให้โอกาสพรรคก้าวไกลที่ถึงแม้จะอ่อนพรรษาหรือประสบการณ์ทางการบริหารน้อยมากมาจัดตั้งรัฐบาล
ผิดหวังกับโอกาสที่ได้ลงคะแนนเสียงเพื่อให้พรรคก้าวไกลได้เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจและทดลองการบริหารบ้านเมือง การเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางบริบททางการเมืองและสังคม ณ ปัจจุบัน ประชาชนคาดหวังรัฐบาลที่จะดูแลประชาชนเกือบ 70 ล้านคน คาดหวังรัฐบาลที่นำความสงบ รัฐบาลอันเป็นที่ยอมรับในสายตานานาอารยประเทศ เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับภาพรวมและปากท้องของประชาชนมาเป็นอันดับ 1
ผิดหวังกับโอกาสที่ประชาชนให้เพื่อพรรคก้าวไกลที่จะเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เรียนรู้ที่จะรอมชอม ประนีประนอม เห็นความสำคัญของภาพใหญ่ ถึงแม้ประชาชนจะเข้าใจและยอมรับในตัวตน ในการยืนหยัดต่อหลักการ แต่ก็ยังผิดหวังและเสียใจ เลยไปจนถึงเกิดคำถามขึ้นในใจว่า หลักการของพรรคมันสำคัญมากกว่าปัญหาปากท้องของประชาชนเลยหรือ?
ผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย ที่ในที่สุดจำต้องแยกทางกับพรรคก้าวไกล เพราะพรรคทั้ง 2 ถือเป็นพรรคที่เชิดชูอุดมการณ์ส่งเสริมประชาธิปไตย และไม่สนับสนุนการสืบต่อความผิดปกติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
หากมองผ่านแว่นตาที่รักและเอ็นดูพรรคเพื่อไทยที่สุด การแยกทางกับพรรคก้าวไกล ก็คือการเอาปากท้องของประชาชนเป็นที่ตั้ง ในการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาชองประเทศ เพราะความไม่แน่นอนในการตั้งรัฐบาลนี้ส่งผลเสียหายมากกว่าผลดี
แต่หากมองผ่านแว่นตาที่ไม่ไร้เดียงสานัก ก็คงจะผิดหวังจนถึงกระทั่งเกรี้ยวกราดได้ เพราะทุกคนย่อมทราบดีว่า การจะรวมเสียงให้ได้มากกว่า 250 ในสภาผู้แทนราษฎรนั้น จำต้องอาศัยพรรคการเมืองอื่น ๆ อาทิ พรรคภูมิใจไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐด้วย
คำมั่นที่พรรคเพื่อไทยเคยให้ไว้ก่อนเลือกตั้งที่ว่าจะไปจับมือกับฝั่งอดีตพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็คงจะกลายเป็นแค่ลมปาก หรือคำมั่นเหล่านั้นเป็นแค่ลูกเล่น เป็นแค่กลยุทธ์ในการได้มาซึ่งคะแนนเสียงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง?
ผิดหวังกับ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ที่กระบวนการชี้มูลความผิดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีจังหวะจะโคนที่ช่างเพอร์เฟกต์ จนทำให้คนทั้งเมืองกังขาในการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจจะส่งผลดีและเสียกับขั้วการเมืองใดขั้วการเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ
และที่สุดแห่งความผิดหวังคือ สว. ที่ในทางปฎิบัติตอนนี้ได้กลายเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประเทศไปแล้ว ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ได้มากกว่าเสียงของประชาชน ภายใต้หน้าตาที่ระรื่น ยิ้มอย่างพึงพอใจ ทั้งที่ก็ทราบดีว่าการกระทำของตนนั้นจะนำมาซึ่งวิกฤติทางการเมืองรอบใหม่
เมื่อคนเราผิดหวังและเสียใจมาก ๆ อารมณ์จะอยู่เหนือเหตุผล ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย