ผ่า “2 ขั้ว” เพื่อไทยเสียงแตก “มีเรา ไม่มีลุง” VS “มีเรา มีลุง

ผ่า “2 ขั้ว” เพื่อไทยเสียงแตก  “มีเรา ไม่มีลุง” VS “มีเรา มีลุง

สถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยชั่วโมงนี้ เมื่อแบ่งออกเป็นสองขั้ว “ไม่เอาลุง” กับ “เอาลุง” ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล มุมมองที่แตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องรอ“นายใหญ่”ชี้ขาด ในวันเวลาที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น

หลังแถลงการณ์ ผลักพรรคก้าวไกลออกจากขั้ว 8 พรรค 312 เสียง เพื่อไปเริ่มต้น นับ 1 ใหม่ ในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย เวลานี้ ทางเลือกของเพื่อไทย ดูเหมือนจะเหลือเพียงสองทางเท่านั้น ทางหนึ่งเลือก “มีเรา ไม่มีลุง” อีกทางหนึ่งเลือก “มีเรา มีลุง”

เนื่องจากด่านหิน 374 เสียง คือกำแพงที่ต้องปีนข้ามไปให้ได้ หากจะส่ง เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การโหวตในที่ประชุมร่วมรัฐสภา

การข่าวจาก “ขุนพลเพื่อไทย” ฉายภาพสถานการณ์ภายในพรรค หลังแยกกันเดินกับพรรคก้าวไกล ได้ระบุว่า การจับขั้วพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ณ เวลานี้ ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 19-22 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง 

รวมทั้งพรรคหนึ่งเสียง ประกอบด้วย พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย

เมื่อรวมทุกเสียงแล้ว จะมีอยู่บนหน้าตัก 263 เสียง ต้องการอีก 111 เสียง โดยมุ่งหวังไปที่ 250 สว. ซึ่งเคยออกมาลั่นวาจาจะโหวตให้ “เศรษฐา” ทำให้มีความหวังที่ฝ่าด่านหินไปได้

สูตรดังกล่าว “ขุนพลเพื่อไทย” คำนวณแล้วว่าพอมีความเป็นไปได้ โดยไม่ต้องอาศัยเสียงจากพรรค “2 ลุง” พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง รวมทั้งไม่มีพรรคก้าวไกล 151 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง อยู่ร่วมรัฐบาล

อย่างไรก็ตามมี “2 เสือ” จากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามเปิดดีลลับกับ “นายใหญ่” เพื่อยื่นเงื่อนไขต่อรองการเข้าร่วมรัฐบาล ด้วยการดึง “สส.งูเห่า” ออกมาร่วมโหวตให้

แต่ดีลลับ “1 เสือ” ไปไม่ถึงมือ “นายใหญ่”เพราะดีลผ่านคนกลาง ทำให้โดนสกัดร่วงกลางทาง เมื่อความลับทางการเมืองไม่มีในโลก “1 เสือ” เลยป่วนพรรคสร้างราคาให้ตัวเอง ให้จับตาหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ อาจจะตกที่นั่งเสือลำบาก

ดังนั้นการจะดึง “สส.งูเห่า” จากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงปิดประตูไปได้เลย เพราะ “ลุงบ้านป่ารอยต่อ” ส่งสัญญาณชัดเจน หากจะต้องร่วมรัฐบาล จะต้องไปทั้งพรรค ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สูตร “มีเรา ไม่มีลุง” ฝันไกลของพรรคเพื่อไทย เมื่อต้องเผชิญกับโลกแห่งความจริง จึงยากที่จะฝ่าไปได้ เพราะ “2 ลุง” ยังกุมอำนาจทางการเมืองผ่านเครือข่ายที่ฝังลึกเกือบทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่องค์กรอิสระ

สำหรับ“ขั้วไม่เอาลุง”ในเพื่อไทย จะมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวน โดยมีแก๊งไอติม “คณาพจน์ โจมทอง” และ“ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช” คอยช่วยป้อนข้อมูล คำนวณความเป็นไปได้ เช่นเดียวกับ “เศรษฐา” หากต้องตั้งรัฐบาล ขอไม่เอา“2 ลุง”เข้ามารวมด้วย

เนื่องจาก “แพทองธาร-เศรษฐา” เคยลั่นวาจาให้สัญญาประชาคมเอาไว้แล้วว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ “2 ลุง” หากต้องตระบัดสัตย์ก็เกรงจะส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย และต่อตัวของ “แพทองธาร-เศรษฐา” ในระยะยาว

มีกระแสข่าวว่า “แพทองธาร-เศรษฐา” คาดหวังให้ “2 ส.” สมศักดิ์ เทพสุทิน  สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ปฏิบัติการดีลเสียง สว. มาให้ได้มากที่สุด สกัดแรงต่อรองจาก “2 ลุง” แต่ “2 ส.” จะเดินแรงเกินหน้าเกินตา ก็เกรงอิทธิฤทธิ์ลุงจะมาเล่นงาน

นอกจากนี้ “ปีกประชาธิปไตย” ภายในพรรคเพื่อไทย อาทิ จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียง มีจุดยืนประชาธิปไตยชัดเจน แต่ระดับ “จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ” รู้จุดหมายปลายทางของพรรคเพื่อไทยดี หากต้องร่วมกับ “2 ลุง” อาจจะคิดทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว

ขณะที่อีกด้าน “ขั้วเอาลุง” ส่วนใหญ่จะมาจากฟากฝั่ง “นักเลือกตั้ง” ต้องการปิดจ็อบตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพราะรู้ดีว่า “สูตรไม่มีลุง” เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเสียง สว. ส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ “2 ลุง” แม้จะมีบางคนภายในพรรคเพื่อไทย อาสารวบรวมเสียง สว. แต่ไม่มีทางได้ถึง 111 เสียง

ที่สำคัญ ยังอาจติดเงื่อนไข หากไม่พ่วง “2 ลุง” มาร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา อาจไม่เข้าร่วมรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ซึ่ง “แกนนำพรรค” มีคดีติดตัวหลายคดี หากตีตัวออกห่างลุง ย่อมหวั่นใจจะโดนเช็คบิลภายหลัง 

ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา ยี่ห้อนี้รับรู้กันดีว่ามี “บิ๊กทหาร” คอยเกื้อหนุน โอกาสทิ้ง “2 ลุง” จึงมีน้อยมาก

ดังนั้น “ขั้วเอาลุง” ในพรรคเพื่อไทย จึงมองว่า โจทย์ใหญ่-โจทย์เดียวของพรรคในตอนนี้ คือการปิดดีล เอา “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านให้ได้ แม้จะต้องเสียแต้มการเมือง แต่ต้องยอมเสี่ยง ไม่เช่นนั้นการเมืองจะติดล็อก ขยับตัวไม่ได้

นอกจากนี้ บรรดา สส. สอบตก ซึ่งส่วนใหญ่พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคก้าวไกล พยายามเร่งให้พรรคเพื่อไทย ปิดจ็อบตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลให้ได้โดยเร็ว แม้จะต้องร่วมรัฐบาลกับ “2 ลุง” เพราะไฟแค้นยังสุมอยู่เต็มอก

สถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยชั่วโมงนี้ เมื่อแบ่งออกเป็นสองขั้ว “ไม่เอาลุง” กับ “เอาลุง” ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล มุมมองที่แตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องรอ“นายใหญ่”ชี้ขาด ในวันเวลาที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น