'เสื้อแดง' แตก! เสียมวลชน รับไม่ได้ 'เพื่อไทย' จับมือ 'ภูมิใจไทย' ตั้งรัฐบาล
ประท้วงพรรค! "เสื้อแดง" เสียงแตก! เสียมวลชน รับไม่ได้ "เพื่อไทย" จับมือ "ภูมิใจไทย" ตั้งรัฐบาล วอน "ก้าวไกล" ช่วยโหวต “เศรษฐา” เป็นนายกฯ
ชมรมคนเสื้อแดงโคราชชี้เพื่อไทยจับมือภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ตั้งรัฐบาล ทำให้เสียมวลชนคนเสื้อแดงไปมาก พร้อมวอน "ก้าวไกล" ช่วย “เศรษฐา ทวีสิน” เพื่อปูทางสู่ประชาธิปไตยใหม่ ด้วยการ โหวตนายกฯ
นายวัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ หรือ จิ๋ว ประธานชมรมคนเสื้อแดงโคราช เปิดเผยว่า จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ได้จับมือกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นั้น
ตนก็ยอมรับว่าจะส่งผลต่อความรู้สึกของมวลชนคนเสื้อแดงมากพอสมควร เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยก็เป็นหนึ่งในพรรคกลุ่มอำนาจเก่าจากรัฐบาลที่แล้ว และเป็นคู่แข่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาโดยตลอด
ดังนั้นคนเสื้อแดงหลายคนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่ชอบใจนัก ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียมวลชนคนเสื้อแดงไปให้พรรคก้าวไกลมากพอสมควร แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตนก็เชื่อว่าคนเสื้อแดงกับกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ก็เป็นกลุ่มฝ่ายประชาธิปไตยเดียวกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเสียมวลชนคนเสื้อแดงไป แต่ฝ่ายประชาธิปไตยยังเข้มแข็งอยู่
เพียงแต่ว่าฝ่ายประชาธิปไตยรุ่นใหม่เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเขามีตัวเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นใหม่ จึงทำให้พรรคเพื่อไทยถูกแบ่งฐานเสียงไปอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศมาก จึงได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น ซึ่งช่วงก่อนเลือกตั้งตนเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีสมการจะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแน่นอน ดังนั้น จึงมีแคมเปญหาเสียงออกมาอย่างเข้มข้น รวมถึงแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” ด้วย
ซึ่งหากไปดูแคมเปญหาเสียงของทุกพรรคการเมือง ก็มีการโจมตีกันเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง พรรคก้าวไกลก็โจมตีพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วทุกพรรคการเมืองก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน
และเมื่อผลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยไม่ได้แลนด์สไลด์ตามที่วางแผนไว้ อีกทั้งไม่ได้เป็นพรรคอันดับที่ 1 ด้วย สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป การจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ตนมั่นใจว่ากลุ่มคนเสื้อแดงรุ่นเก่าจะต้องเข้าใจดีว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญกับอะไร เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 เขียนมาเช่นนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่หาคะแนนเสียงจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว.เพิ่มให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ก็จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เลย
เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็อาจจะตกไปสู่พรรคอันดับที่ 3 อันดับที่ 4 ต่อไป ที่จะได้สิทธิ์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคกลุ่มอำนาจเดิมได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สิ่งที่คนฝ่ายประชาธิปไตยตั้งความหวังไว้ก็พังสลายหมด เราจะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ส.ว.ก็อาจจะได้รับการต่ออายุเพิ่มไปอีก รวมทั้งกฎหมายต่างๆ ที่จะมาเป็นเงื่อนไขในการจัดการกับพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะรุนแรงกว่าเดิมมาก
ส่วนใครจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยทิ้งอุดมการณ์ และไปจับมือกับพรรคขั้วอำนาจเก่าที่เป็นเผด็จการนั้น เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยแน่นอน และพรรคขั้วอำนาจเก่าที่เป็นเผด็จการนั้น ได้หมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่มีการเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมืองที่เข้าสู่การเลือกตั้งด้วย เพราะเขาก็มาจากเสียงประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน ดังนั้นการไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย จึงถือว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้หักหลังคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
แม้จะยอมรับว่า เราก็ไม่สบายใจ ไม่ชอบที่จะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่ไปจับมือกับพรรคของ 2 ลุง แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ตนเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก่อน
ซึ่งขณะนี้ก็มีการเปิดเผยออกมาแล้วว่า พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีทั้งหมด 9 พรรคแล้ว คือ
- พรรคเพื่อไทย
- พรรคภูมิใจไทย
- พรรคประชาชาติ
- พรรคชาติไทยพัฒนา
- พรรคเสรีรวมไทย
- พรรคชาติพัฒนากล้า
- พรรคเพื่อไทยรวมพลัง
- พรรคพลังสังคมใหม่
- พรรคท้องที่ไทย
- รวม 238 เสียง ดังนั้นก็ยังต้องพยายามรวบรวมเสียงเพิ่มขึ้นอีก เพื่อไม่ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย รวมทั้งต้องให้ได้เกิน 376 เสียงด้วย เพื่อให้สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีผ่าน
ซึ่งคนเสื้อแดงเชื่อว่า ขณะนี้มีเพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าไปเป็นรัฐบาลได้ และสามารถฝากความหวังได้ว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเผด็จการ ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริงได้ รวมทั้งการเข้าไปบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้ เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยทำสำเร็จไว้ในอดีต
ส่วนการดึงกลุ่มอำนาจเก่าเข้ามาร่วมรัฐบาลนั้น จะไม่เป็นอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน เพราะนักการเมืองหลายพรรคก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 นี้ ขณะเดียวกันก็อยากขอวอนไปถึงพรรคก้าวไกลว่า ถ้าอยากปิดสวิท ส.ว.ก็ควรมาช่วยยกมือโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยดีกว่า
เพราะอย่างน้อยก็ได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งสิ่งที่จะได้คือคนรุ่นใหม่ที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย จะได้โอกาสมีรัฐธรรมนูญที่จะส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นายวัฒนะชัยฯ กล่าว.