'เสรี' อุบไต๋โหวต 'เศรษฐา' รอฟังคำชี้แจง เมิน 'ทักษิณ' กลับไทยไม่มีผลกับ สว.
'เสรี' อุบไต๋โหวต 'เศรษฐา' หรือไม่ รอฟังคำชี้แจงก่อน บี้ตอบคำถามให้กระจ่าง หากต้องโทษโดนคดีเสียสมองอีก ลั่น 'ทักษิณ' กลับไทยพอดีวันโหวตนายกฯ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ สว.
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงผลที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการตรวจสอบเรื่องที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มายื่นในส่วนที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้แถลงข่าวตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งเป็นเรื่องของเอกสารโฉนดที่ดินและสัญญาต่างๆ รวมถึงดูลำดับการได้มาของที่ดิน โดยจะมีการพูดในที่ประชุมร่วมรัฐสภา แต่ตนคิดว่าเนื้อหาอยู่ที่การแถลงครั้งที่ 2 และ 3
เมื่อถามว่า กรณีที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่าเสียงของ ส.ว.ที่จะโหวตให้นายเศรษฐาครบแล้ว เป็นแบบนั้นหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่า เหมือนการตรวจสอบคุณสมบัติยังไม่เสร็จสิ้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว.หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ไม่ เป็นส่วนที่เขาเสนอมา เราก็ดูว่ามีปัญหาในส่วนไหน หากเป็นในส่วนความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เรื่องจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ก็ไปว่ากันในสภา แต่ในเรื่องที่จะตรวจสอบต่อไปคือเรื่องที่มีคนมายื่นไว้ ซึ่งนายชูวิทย์ได้ไปยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว ส่วนตัวได้ตัดสินใจในการโหวตนายเศรษฐาแล้ว แต่เดี๋ยวจะไปฟังคำชี้แจงอีกทีหนึ่ง
เมื่อถามว่า นายเศรษฐาสบายใจได้หรือยังสำหรับคะแนนเสียงของ ส.ว. นายเสรีหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า
คะแนนส่วนใหญ่มาจากแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละบุคคลจะมีข้อมูลที่ได้รับมาและคงจะไปตัดสินใจในที่ประชุม ประกอบกับมีเรื่องที่ค้างคา ข้อสงสัย ก็ต้องไปฟังในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่จะมาตอบแทนนายเศรษฐาว่าจะตอบได้มากแค่ไหน ซึ่งทุกคนพร้อมที่จะพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ตอนนี้หากนายเศรษฐา เปลี่ยนใจจะมาชี้แจงด้วยตนเองสามารถทำได้หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ก็ได้ การจะชี้แจงได้หรือไม่ในรัฐธรรมนูญข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้ แต่เป็นเรื่องทั่วไปของการพิจารณาในสภาที่จะสามารถขออนุญาตประธานรัฐสภาเข้ามาชี้แจงในสภา อยู่ที่ว่าส่วนตัวจะสะดวกใจมาหรือไม่ แต่ส่วนตัวอยากให้มาชี้แจง
“คนที่จะมาเป็นนายกฯในช่วงนี้จะมีคำถามเยอะ ผมว่าหากมาชี้แจงตอบคำซักถามได้น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า ดีกว่าที่จะไม่มาตอบด้วยตนเองแล้วก็คลุมเครือ และเป็นปัญหาในการตัดสินใจ ผมว่าถ้ามาก็ดีที่สุด อย่างที่เรียนว่าเป็นเรื่องของความสมัครใจ ไปบังคับอะไรกันไม่ได้” นายเสรีกล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้คุณสมบัติของนายเศรษฐาเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า จากการที่ฟังนายชูวิทย์แถลง 2 ครั้งสุดท้ายก็มีคำถามเยอะ หากพูดตามเนื้อผ้าก็ควรจะมีความชัดเจน การไปทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศแล้วไปเทียบกับการบริหารหน่วยงานที่เป็นบริษัทมหาชน และมีข้อเสนอข้อมูลต่างๆ ที่ควรจะต้องตอบให้กระจ่างตนคิดว่ามีความจำเป็นอย่างน้อยที่สุดเพื่อความชัดเจน เพื่อจะได้หมดข้อครหาในเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่า นายเศรษฐามีการเปิดตัวเมื่อวานนี้ ถ้าเทียบกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เปิดตัวเป็นเดือน ส.ว.มีการตรวจคุณสมบัติได้ทันเวลาหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสาธารณะ ส่วนหนึ่งพรรคเพื่อไทยก็พยายามปรับตัว หากสังเกตจากเนื้อหาที่แถลง ซึ่งเราบอกว่าจะไม่ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 เขาก็ตัดออก
นายเสรีกล่าวว่า ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญก็จะไม่กระทบต่อสถาบันก็เห็นถึงความตั้งใจที่จะพยายามลดปัญหา อย่างไรก็ตาม ปัญหาของนายเศรษฐาและนายพิธาไม่ได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องนายเศรษฐาเป็นเรื่องข้อมูลที่เคยกระทำการใดๆมาแล้ว และถูกตรวจสอบว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ ส่วนประเด็นของนายเศรษฐาจะเบากว่านายพิธาหรือไม่นั้น หนักเบาเทียบกันไม่ได้ เป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามว่า มี ส.ว.อีกหลายคนหรือไม่ที่ยังคาใจในเรื่องนายเศรษฐา นายเสรีกล่าวว่า เท่าที่คุยดูไม่ใช่เรื่องคาใจ เป็นหน้าที่ของการตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม เพราะหลายคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 การผ่านการพิจารณาในวันนี้ไป เงื่อนไขดังกล่าวก็เป็นคุณสมบัติของการเป็นนายกฯอยู่ และอาจจะถูกตรวจสอบ หรือถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ซึ่งทันก็ไม่จบ
“ทางที่ดีเอาให้กระจ่างจะได้ไปทำงานบริหารประเทศ ดีกว่าไปแล้วยังต้องไปติดคดีไปโดนร้องอีก เสียสมองกับการที่จะใช้เวลาดูแลประชาชน ผมว่าเอาให้มันเคลียร์ ถ้าดี ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามก็เป็นนายกฯได้ แต่ถ้าติดจริงๆ ก็ต้องติด ก็ว่ากันตามเนื้อผ้า น่าจะดีที่สุดและเป็นประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง” นายเสรีกล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังกังวลเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า หากแถลงกันมาชัดๆ หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่ไปทำอะไรทั้งฉบับ ไม่พยายามไปแตะต้องหมวดสถาบัน ตนว่าเป็นเรื่องที่สบายใจ และจะหมดประเด็นปัญหานี้ไป ลดปัญหาคนที่ทำผิดต่อกฎหมาย และมีการประชาสัมพันธ์ว่าอย่าให้ประชาชนไปทำเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่า วันนี้จะได้นายกฯหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ พอถึงเวลาการประชุมยังไม่ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะเป็นนายเศรษฐาหรือไม่ เพราะโอกาสเปลี่ยนได้ตลอด ฉะนั้น ดีที่สุดคือตอนที่มีการเสนอชื่อจะชัดเจนที่สุด ส่วนที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับไทยวันนี้มีผลต่อการโหวตนายกฯหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจว่าทำไมนายทักษิณกลับมาวันเดียวกับวันโหวตนายกฯ อาจจะมีความหมาย หรืออะไรที่มีการเชื่อมโยงกันหรือเปล่า ก็สงสัยอยู่ เพราะวันอื่นก็มีเยอะ แต่ก็มาวันเดียวกัน ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็คงไม่เกี่ยวกัน สันนิษฐานไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจโหวตนายกฯของ ส.ว. เพราะ ส.ว.ก็ทำหน้าที่ไปในการที่จะคัดสรรคนที่จะมาเป็นนายกฯที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า จะไม่มีเกมเปลี่ยนใช่หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของเกม จะเปลี่ยนหรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะในสถานการณ์อย่างที่เห็นมันเปลี่ยนอะไรได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว