ศึก"พี่น้อง 2 ป."ยกสุดท้าย ‘ประยุทธ์’ดับฝัน‘ประวิตร’นายกฯ
ความคับแค้นเก่าก่อนที่ “พี่ป้อม-ทีมป่ารอยต่อ” คิดล้ม “ประยุทธ์” ได้นำมาสู่เกมขวาง “ประวิตร” ไม่ให้คิดไกลฝันเกินกำลัง แถมได้แก้แค้นส่วนตัวอีกด้วย ศึกสุดท้าย “ประยุทธ์” VS “ประวิตร” ได้จบลง ท่ามกลางความพ่ายแพ้ของพี่น้องทั้ง 2 ป.
ความเคลื่อนไหวทางการเมือง กว่าจะจบดีลข้ามขั้ว แต่ละฝ่ายก็ต้องเดิมพัน และสูญเสียต้นทุนการเมืองไปไม่น้อย ที่สำคัญกลเกมการเมือง เรื่องการต่อรอง ก็กดดันกันจนนาทีสุดท้าย แม้จะได้ “รัฐบาลเพื่อไทย” และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แบบม้วนเดียวจบ
ฉากหน้าดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น แต่ฉากหลังกว่าจะมาถึงจุดนี้ มีความเคลื่อนไหวที่แสดงพลังกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ก่อนการโหวต เศรษฐา ทวีสิน นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มีข่าวกระแสข่าว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียก สส.-สว. สายบ้านป่ารอยต่อ กลับหันหลัง พร้อมสัญญาณงดโหวตให้ “เศรษฐา” ตลอดทั้งวัน
เหตุผลหน้าฉากอ้างว่า “ประวิตร” ไม่พอใจดีลเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้โควตาเพียง 2 รัฐมนตรีว่าการ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการ เท่ากับพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐมี สส. 40 เสียง ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติมี สส. 36 เสียง
โดยดีลเดิมพรรคพลังประชารัฐ จะได้เก้าอี้ 2 รัฐมนตรีว่าการ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่ท้ายที่สุดกลับโดนเฉือนออก 1 เก้าอี้ ทำให้ “ประวิตร” ออกอาการไม่พอใจอย่างแรง
เนื่องจากจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีจะไม่เพียงพอแจกจ่ายให้กับ “ลูกพรรค” เพราะเก้าอี้ รมว. มีชื่อของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานพรรคพลังประชารัฐ และ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จับจองไว้แล้ว
ส่วนเก้าอี้ รมช. มีชื่อ “ไผ่ ลิกค์” สส. กำแพงเพชร อยู่ในลิสต์แล้ว ทำให้เหลือเก้าอี้ รมช. เพียง 1 เก้าอี้ให้ “ขุนพลพลังประชารัฐ” แย่งชิงกันเอง แต่ “ประวิตร” ให้สัญญาไว้กับหลายกลุ่มในพรรคก่อนการเลือกตั้ง หากไม่ทิ้งกัน จะให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
เมื่อพรรคพลังประชารัฐได้โควตารัฐมนตรีไม่ตรงตามเป้า จึงถูกใช้เป็นข้ออ้างใน “ข่าวปล่อย” สัญญาณแรงๆ จาก “บิ๊กบราเธอร์” สั่งการลับให้ สส.พลังประชารัฐ และ สว.สายบ้านป่ารอยต่อ “งดออกเสียง” โหวตชื่อ “เศรษฐา”
ทว่า เหตุผลหลังฉาก มีกระแสข่าวว่า “ประวิตร” ยังคาดหวังจะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยมี “ขุนพลพลังประชารัฐ” ที่อาจจะไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่หาก “เศรษฐา ทวีสิน”สมหวังนั่งเก้าอี้นายกฯ ก็จะคอยให้ข้อมูล พร้อมหาสูตรทางออก-ทางรอด เมื่อต้องหักกับอีก 10 พรรคการเมือง
มีการประเมินว่า หากเกมเปลี่ยน “ประวิตร” สามารถหยุด “เศรษฐา” เอาไว้ได้ ดีลการเมืองจะต้องนับหนึ่งใหม่ แรงต่อรองของ “ประวิตร-พลังประชารัฐ” จะเพิ่มมากขึ้นเท่าตัว เพราะพิสูจน์แล้วว่ามี สว. อยู่ในมือมากกว่า สว.สายประยุทธ์
ทว่า ปฏิบัติการหยุดฝันพี่ใหญ่ “ประวิตร” มาจากฝีมือของน้องเล็ก “ประยุทธ์” แม้ในทางการเมืองจะวางมือไปแล้ว แต่ในทางลับ ป.“ประยุทธ์” ยังขับเคลื่อนตลอดเวลา เพียงแต่รู้ว่าควรเร่งเครื่องในช่วงเวลาใด และจะผ่อนหนัก ผ่อนเบา ในช่วงเวลาใดด้วย
โดยมีกระแสข่าวมาตลอดเวลาว่า “ประวิตร” ต้องการผนึกขั้ว 188 เสียง ให้เหนียวแน่น ไม่แตกกันไปไหน แต่พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมี “ประยุทธ์” เป็นหัวขบวน แตกขั้วออกมาก่อน เพื่อจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก
ภายหลังขั้ว 188 เสียง ถูกตีแตก “ประวิตร” พยายามใช้กำลังภายในทุกกระบวนท่า เพื่อสกัดกันไม่ให้ “เพื่อไทย-เศรษฐา” ถึงฝั่งฝัน แต่สุดท้ายไม่อาจทัดทานเอาไว้ได้ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิบัติการชิงจังหวะจับมือพรรคเพื่อไทย ผนึก 36 เสียงเข้าร่วมรัฐบาล พ่วง สว.สายประยุทธ์ มาเกินหลักร้อยเสียง
ที่สำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐกลับเกิดศึกแตกใน “พัชรวาท-ธรรมนัส” ตัดสินใจหัก “ประวิตร” ด้วยการเปิดดีลกับพรรคเพื่อไทย โดยมีทั้งแจ้งและไม่แจ้งต่อ “ประวิตร” ก่อนจะมาถึงซีน “พัชรวาท-ธรรมนัส” ปรากฏตัวร่วมแถลงข่าว 11 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยในช่วงเย็นวันที่ 21 ส.ค. จนถึงช่วงก่อนลงคะแนนโหวต “เศรษฐา” ในช่วงบ่ายวันที่ 22 ส.ค. กระแสข่าว “ประวิตร” เปิดดีล สว.สายบ้านป่ารอยต่อ กระพือหนักมาก จนหลายคนหวั่นว่าชื่อ “เศรษฐา” จะเข็นไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม “บิ๊กรวมไทยสร้างชาติ” ยืนยันกับพรรคเพื่อไทย คอนเฟิร์มเสียง สว.สายประยุทธ์ มาครบ มาเกิน สามารถส่ง “เศรษฐา” ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
ว่ากันว่า “ประยุทธ์” คือผู้อยู่เบื้องหลังในการดีล สว. โหวตให้กับ “เศรษฐา” โดยมีคนกลางมาคอยเชื่อม-คอยประสานงานให้ จึงไม่แปลกที่ “สว.สายประยุทธ์” โหวตเห็นชอบกันเกือบทั้งหมด
หากยังจำกันได้ “บิ๊กบ้านป่ารอยต่อ” เคยบัญชาการโหวตล้ม “ประยุทธ์” มาแล้วในปี 2564 ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เตรียมชู “ประวิตร” ขึ้นนายกรัฐมนตรี แต่แผนรั่วจนปฏิบัติการต้องล่มไป
หลังจากนั้น สัมพันธ์พี่น้อง 2 ป. “ประวิตร-ประยุทธ์” ต่างแยกทางกันเดิน แยกพรรคกันอยู่ เมื่อผลการเลือกตั้งไม่เป็นใจให้กับทั้ง “2 ป.” แต่น้อง “ประยุทธ์” ยอมถอย ขณะที่พี่ใหญ่ “ประวิตร” ยังขอสู้ต่อ
ความคับแค้นเก่าก่อนที่ “พี่ป้อม-ทีมป่ารอยต่อ” คิดล้ม “ประยุทธ์” ได้นำมาสู่เกมขวาง “ประวิตร” ไม่ให้คิดไกลฝันเกินกำลัง แถมได้แก้แค้นส่วนตัวอีกด้วย
ทว่า ศึกสุดท้าย “ประยุทธ์” VS “ประวิตร” ได้จบลง ท่ามกลางความพ่ายแพ้ของพี่น้องทั้ง 2 ป.