‘ครม.เศรษฐา’ ตาชั่งร้อน ‘ทวี สอดส่อง’ ใต้เงา พท.-ทักษิณ
โฉมหน้า“ครม.เศรษฐา 1” กำลังจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่ามกลางกระแสเอื้อทักษิณ กระทรวง“ตาชั่ง” ที่มีเสนาบดีที่ชื่อ “ทวี สอดส่อง” ย่อมถูกจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวไม่แพ้กระทรวงอื่น
อีกไม่กี่อึดใจคงจะได้รู้กันชัดๆ ว่า โฉมหน้า “ครม.เศรษฐา 1” ที่สุดแล้วจะมีผู้ใดรวมอยู่ในจำนวนนี้บ้าง
แน่นอนว่า เมื่อที่นั่งเสนาบดีกระทรวงมีเพียง 35 ตำแหน่งขณะที่ 11 พรรคการเมืองภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมี 314 เสียง มีผู้แสดงความจำนงเกินจำนวนที่นั่ง โผครม.ที่กำลังจะออกมา เช่นนี้ย่อมมีทั้งคน “สมหวัง” และ “ผิดหวัง” เป็นธรรมดา
ทว่า หนึ่งรายชื่อที่ดูเหมือนว่าจะสงบเงียบเข้าวินแบบ “ไร้คู่แข่ง” มาตั้งแต่ต้น หนีไม่พ้นเสนาบดี “กระทรวงตาชั่ง” ซึ่งชัดเจนแล้วว่า ตกเป็นของ “ทวี สอดส่อง” หัวหน้าพรรคประชาชาติ
จะว่าไป “ทวี” เอง ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็น “ลูกหม้อ” กระทรวงยุติธรรม เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ในยุครัฐบาลทักษิณในปี 2547 อธิบดีดีเอสไอช่วงปี 2551 ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องไปถึงรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น
อย่างที่รู้กันหากเป็นช่วงที่การเมืองอยู่ในโหมดการเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาลตามวงรอบตามปกติ การขึ้นแท่นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมของ “ทวี” ก็คงไม่แปลกอะไรมากนัก
แต่หากเป็นในยามที่สัญญาณการเมืองถูกจับตาไปที่ “แผนสลายขั้ว” เปิดประตูสู่การ “ล้างไพ่” ครั้งสำคัญ สอดรับกับการเดินทางกลับประเทศไทยของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยแล้ว การขึ้นแท่นเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงตาชั่งของ“ทวี” ครั้งนี้ถือว่าน่าจับตาอย่างยิ่งยวด
อย่าลืมว่า การตัดสินใจเดินทางกลับไทยของทักษิณ ในช่วงของการฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ “ทักษิณ” ในทุกขั้นตอนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉะนั้น แม้จะยังไม่ทันรับตำแหน่งแต่ดูเหมือนว่า “กระทรวงตาชั่ง” ยามนี้กำลังร้อนแรง และถูกสั่นคลอนจากเสียงครหาทั้งวลี “คุกมีไว้ขังคนจน” ที่ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง
หรือประเด็น “ซูเปอร์วีไอพี” หลังกรมราชทัณฑ์ส่งตัวทักษิณไปรักษาโรคประจำตัว ที่รพ.ตำรวจ ทั้งที่ถูกคุมตัวในเรือนจำไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ไม่เว้นแม้แต่การถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ที่สามารถทำได้ ตั้งแต่ทราบผลคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล โดยจะต้องยื่นผ่านเรือนจำ ก่อนจะส่งเรื่องมายังกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการพระราชวัง ก่อนนำความขึ้นกราบบังคมทูล ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
ว่ากันว่า เวลานี้ “คนใกล้ชิดทักษิณ” เตรียมการแต่เนิ่นๆ และจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษในเร็ววัน
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ “ทักษิณ” และ “พรรคเพื่อไทย” คงประเมินรอบด้านมาเป็นอย่างดีว่า บุคคลที่จะนั่งกำกับดูแล กระทรวง หน่วยงานสำคัญเหล่านี้ ต้องเป็นคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ แต่ครั้นจะให้กระทรวงดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคเพื่อไทยโดยตรง ก็จะยิ่งเป็นการตอกย้ำ วลีของ “ด้อมต่างขั้ว” ที่ช่วยเปลี่ยนชื่อพรรคจาก “พรรคเพื่อไทย” เป็น “พรรคเพื่อใคร” ให้เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน เพื่อไทยเองก็มีตัวอย่างในยุคที่ผ่านมา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่เวลานั้นยังอยู่พรรคพลังประชารัฐเป็น รมว.ยุติธรรม เกิดข้อครหาที่พุ่งตรงไปที่กระทรวงตาชั่ง ท่ามกลาง “เกมเกี๊ยเซียะ” ระหว่างขั้วอำนาจ หลังมีการลดโทษผู้ต้องหา“คดีจำนำข้าว” ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบุคคลสำคัญในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไม่ว่าจะเป็น “ภูมิ สาระผล” อดีตรมช.พาณิชย์ ได้รับการลด 2 รอบ เหลือวันต้องโทษ 8 ปี (จากโทษเดิม 36 ปี)จะพ้นโทษ 25 ส.ค. 2568 “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ ได้รับการลด 2 รอบ เหลือวันต้องโทษ 10 ปี (จากโทษเดิม 48 ปี) จะพ้นโทษ 21 เม.ย. 2571
นอกจากนี้ ยังมี “มนัส สร้อยพลอย” อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้รับการลดโทษ 2 รอบ เหลือวันต้องโทษ 8 ปี (จากโทษเดิม 40 ปี) จะพ้นโทษ 11 ก.ค. 2569 และ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” หรือ “เสี่ยเปี๋ยง”ได้รับการลดโทษ 2 รอบเหลือโทษจำคุก 6 ปี 3 เดือน 26 วัน (จากโทษเดิม 48 ปี) พ้นโทษ 26 ธ.ค.2566
เช่นนี้ จึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยจะเบี่ยงเบนความสนใจ โดยปล่อยกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถือเป็นกระทรวงสำคัญไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลขนาดย่อม อย่างพรรคประชาชาติ แทนที่จะเป็นของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำ
ไม่ต่างกับตอนเลือก “วันมูหะมัดนอร์ มะทา”เป็นประธานสภา ซึ่งเวลานั้น “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” ยังจับมือกัน ได้เกิดศึกชิงประมุขนิติบัญญัติ ลากยาวมาเป็นแรมเดือน เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการเสนอคนของตัวเอง
ก่อนที่ต่อมาเพื่อไทยจะยอมเปลี่ยนชอยส์ จากคนของตัวเองเป็น “วันนอร์”จากพรรคประชาชาติ โดยอ้างเหตุผลเรื่อง “คนกลาง” เพื่อลดแรงกระเพื่อม แต่ก็เป็นที่รู้กันทั้งบางว่า การเปลี่ยนตัวดังกล่าว สอดรับกับสัญญาณจาก“ทักษิณ” ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ต่างประเทศ เพราะ “วันนอร์” เองก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นคนที่รู้จักมักคุ้น มาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ
ขณะที่ก้าวไกลจำยอมกลืนเลือดเสียตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติในที่สุด
โฉมหน้า “ครม.เศรษฐา 1” กำลังจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ท่ามกลางกระแสเอื้อทักษิณ ดังนั้นกระทรวง“ตาชั่ง” ที่มีเสนาบดีที่ชื่อ “ทวี สอดส่อง” ย่อมถูกจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวยิ่งกว่ากระทรวงอื่น อย่างแน่นอน!