"เศรษฐา" อ่านสคริปต์นโยบายรัฐบาล ย้ำ4ปีวางรากฐานให้ปท.-ยึดสุจริต โปร่งใส

"เศรษฐา" อ่านสคริปต์นโยบายรัฐบาล ย้ำ4ปีวางรากฐานให้ปท.-ยึดสุจริต โปร่งใส

"เศรษฐา" อ่านคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามสคริปต์ ย้ำ 4ปีของรัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างใหม่ ขอ "รัฐสภา-ปชช." เชื่อมั่นการบริหารที่โปร่งใส สุจริต ยึดประโยชน์ปชช.

เมื่อเวลา 09.30 น. การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันแรก ได้เริ่มขึ้น โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม

 

ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่าการอภิปรายนโยบายรัฐบาล กำหนดวันที่ 11 - 12 ก.ย. รวมเวลาพิจารณา 30 ชั่วโมง แบ่งเป็น ประธานที่ประชุม 1 ชั่วโมง, คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงและชี้แจง 5 ชั่วโมง, สว. 5ชั่วโมง, สส.พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และ สส.พรรคฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะแบ่งเวลาอภิปรายวันละ 7 ชั่วโมง

 

“การแถลงนโยบายไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ สมาชิกรัฐสภามีสิทธิซักกถาม และคัดค้านความเหมาะสมของนโยบาย การบริหารราชการแผ่นดินตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ทั้งนี้รัฐมนตรีเท่านั้นมีอภิปรายตอบข้อซักถามหรือคัดค้านของสมาชิกรัฐสภา สำหรับการอภิปรายต้องยึดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 09.40 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามเอกสารคำแถลงนโยบายของ ครม.  ที่แจกให้กับสมาชิกรัฐสภา โดยมีสาระสำคัญระบุวา ครม. กำหนดนโยบายบริหารราชการแผ่นดินโดยยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ประเทศไทยเผชิญกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ และปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัว ทำให้จีดีพีของประเทศอยู่ที่ 30.9%  มีภาวะหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งเป็นความเปราะบางของประชาชน รวมถึงต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งสังคม, สัดส่วนผู้สูงวัยที่เพิ่มสูง การเมืองและกฎหมายที่ไม่ทันต่อสถานการณ์บ้านเมือง

 

“รัฐบาลได้วางเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมถึงสร้างความพร้อมและวางรากฐานอนาคตที่ดีกว่าให้คนไทย โดยวางกรอบการพัฒนาไปตามความเร่งด่วน คือ กรอบระยะสั้น คือกระตุ้นการใช้จ่าย และระยะกลาง รวมถึงระยะยาวเสริมขีดความสามารถให้ประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดเหลื่อมล้ำ” นายเศรษฐา แถลง

 

นายกฯ แถลงโดยยอมรับสภาพของเศรษฐกิจประเทศว่าเปรียบเป็นคนป่วย ดังนั้นต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยย้ำถึงนโยบายที่ต้องดำเนินการว่า นโบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อจุดชนวนกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการใช้สอย ขยายลงทุน กิจการ และการผลิตสินค้า ซึ่งรัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนคืนคือ ภาษี และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศ เตรียมพร้อมประเทศสู่เศษฐกิจสมัยใหม่

นายกฯ แถลงย้ำว่าสำหรับนโยบายที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจต่อมา คือ

1.พักหนี้ และแก้ปัญหาหนี้สินภาคเกษตรกร ธุรกิจ และประชาชน ,

2.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมถึงปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ,

3.สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว

4.แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยประชาชนมีส่วนร่วม

\"เศรษฐา\" อ่านสคริปต์นโยบายรัฐบาล ย้ำ4ปีวางรากฐานให้ปท.-ยึดสุจริต โปร่งใส

“รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นที่ยอมรับ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการลงทุน เพราะหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือจะทำให้การพัฒนาประเทศมีประสิทธิภาพโดยใช้งบน้อยที่สุด” นายกฯ แถลง

 

นายเศรษฐา แถลงอีกว่า ในมิติสร้างโอกาส คุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้คนไทย  รัฐบาลมีแนวทางสร้างรายได้ ผ่านการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่, พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง , การลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน พัฒนาสตาร์ทอัพ รวมถึงลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ขณะที่ภาคเกษตรกร จะสร้างรายได้ โดยใช้หลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้  ใช้การบริหารจัดการภาคเกษตรทุกด้านขณะที่อุตสาหกรรมประมงจะฟื้นชีวิตให้เป็นแหล่งรายได้สำคัญ

\"เศรษฐา\" อ่านสคริปต์นโยบายรัฐบาล ย้ำ4ปีวางรากฐานให้ปท.-ยึดสุจริต โปร่งใส

“รัฐบาลตั้งใจขยายโอกาสให้ประชาชน คือ  เร่งให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน  พิจารณาเอกสารสิทธิการให้เป็นโฉนด เพื่อต่อยอดเข้าถึงแหล่งทุน, ส่งเสริมสร้างรายได้จากคา์บอนเคนดิตที่ยุติธรรม, ยกเลิก ปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เช่น ปลดล็อคระเบียบที่เกี่ยวกับสุราพื้นบ้าน” นายเศรษฐา แถลง

 

นายเศรษฐา แถลงถึงนโยบายกระจายอำนาจด้วยว่า จะใช้รูปแบบของผู้ว่าซีอีโอ สร้างประสิทธิภาพการบริหารงาน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส ลดการทุจริต ขณะที่ด้านแรงงานต่างด้าว รัฐบาลจะปิดรับแรงงานต่างด้าวและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาทำงานร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงสร้างพลังสร้างสรรค์ ยกระดับการสร้างมูลค่าและรายได้ให้คนไทย

 

นายเศรษฐา ยังแถลงถึงนโยบายที่เกี่ยวกับกองทัพด้วยว่า รัฐบาลจะร่วมพัฒนากองทัพ โดย

1.เปลี่ยนรูปแบบเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ

2.ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้เป็นแบบสร้างสรรค์

3.ลดกำลังนายพลทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับ บทบาท ภารกิจปัจจุบันและอนาคต

4.ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมให้ทันสมัย โปร่งใส และตรวจสอบได้ สอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม และ

5.นำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อใช้ในการเกษตร พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สร้างแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ โอกาสทางเศรษฐกกิจ และความเข้มแข็งของสังคม

 

นายกฯ แถลงถึงนโยบายด้านสังคมด้วยว่า รัฐบาลจะปราบผู้มีอิทธิพลและ ยาเสพติด โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม  รวมถึงจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์กัญชาทางแพทย์และสุขภาพ นอกจากนั้น สร้างระบบพัฒนาสาธารณสุข ยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และส่งเริมความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ด้วยสวัสดิการโดยรัฐ ขณะเดียวกันจะผลักดันกฎหมายเพื่อสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง คือ ฝุ่นพีเอ็ม 2.5

 

4ปีข้างหน้า คือ 4ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่  โดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง น่าเชื่อถือ และดำเนินนงานให้สำเร็จ เป็นรูปธรรมโดยเร็ว บนพื้นฐานของถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ สอดคล้องกฎหมาย  ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายนั้น จะทำอย่างมีเป้าหมาย ตามกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด  ขณะเดียวกันรัฐบาลตระหนักเรื่องการลดภาระการลงทุน รวมถึงข้อจำกัดด้านรายได้ ดังนั้นรัฐบาลจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดเก็บภาษี ท้ายที่สุด รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นกับรัฐสภาและคนไทยว่า รัฐบาลจะบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศและประชชนเป็นที่ตั้ง” นายกฯ แถลง

 

ทั้งนี้ใช้เวลาอ่านคำแถลงรวม 50 นาที.