"ประเสริฐพงษ์" ยันไม่เคยขอ สภาฯ ล็อกที่จอดรถ สส. โบ้ย "พิเชษฐ์" ทำเกินปัญหา

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงต่อกรณีที่ขอใช้เอกสิทธิ์ สส.ให้ สภาฯ จัดที่จอดรถให้ สส. จนทำให้เกิดปัญหาการจราจรในพื้นที่รัฐสภา และข้าราชการรัฐสภาไม่มีที่จอดรถเพื่อมาปฏิบัติงาน ซึ่งการจัดระเบียบที่จอดรถดังกล่าว เริ่มใช้วันแรก เมื่อ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา  ว่า ตนไม่เคยขอใช้เอกสิทธิ์ หรือ อภิสิทธิ์ สส. เพื่อขอที่จอดรถ ส่วนการหารือต่อที่ประชุมสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อปัญหาที่จอดรถ นั้นเป็นประเด็นที่ สส. จอดรถซ้อนคัน หรือ บริเวณทางวิ่ง ทำให้ผู้ที่มาทีหลังเข้า - ออก ลำบาก

 

 “ผมพูดแค่นั้นเอง ไม่ได้ไปเรียกร้องเอกสิทธิ์สำหรับให้ ส.ส. มีช่องจอดสำหรับตัวเองหรือเป็นเฉพาะส่วนตัว ซึ่งปรากฏว่าก่อนที่หารือ ก็ได้พูดคุยกับเลขาธิกการสภาฯ ท่านก็บอกว่าตอนนี้รองประธานคนที่สองกำลังแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่ แสดงว่าตรงใจกับผมพอดี แสดงว่าผู้มีอำนาจในการจัดการเรื่องล็อคที่จอดรถ ก็คือ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่มีรถ ต้องอาศัยติดรถเพื่อน สส. เมื่อเห็นปัญหาแล้วจึงนำมาหารือ  และทราบภายหลังว่า นายพิเชษฐ์และข้าราชการได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับที่ตนได้นำเสนอเลย ตนไม่ได้ขอให้ล็อกที่จอดให้ สส. แต่เพียงขอให้ สส.ปฏิบัติตามกฎระเบียบ จอดรถในช่องจอดเท่านั้น

 

“เป็นเรื่องขำๆ มากกว่า ฝากให้ช่วยแก้ข่าวด้วยว่าสส.พรรคก้าวไกล ไม่มีเรื่องอวดเบ่ง  จากที่อ่านข่าวที่ลอกข่าวผิดไปส่งต่อ ก็งงว่ามีส่วนทำให้รถติดยังไง ผมยืนยันไม่เคยคิดใช้เอกสิทธิ์ สส. หรืออภิสิทธิ์ใดๆ ในการขอที่จอดให้ สส. เพียงขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น จึงอยากให้สังคมเข้าใจ และขอให้สำนักข่าวที่นำเสนอข่าวไปแล้ว ช่วยแก้ไขให้ด้วยเพราะได้รับความเสียหาย" นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่นำรถจักรยานยนต์ไปจอดช่องจอดรถยนต์ โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจอดผิดที่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า "เป็นเรื่องส่วนตัวของนายเท่าพิภพ ที่ใช้สิทธิ์เหมือนกับที่นายพิเชษฐ์ได้ให้สิทธิ์ เป็นเรื่องที่ไม่แปลกหากสภามีการบริหารจัดการ"

 

เมื่อถามว่าส่วนตัวเห็นควรว่าจะยกเลิกไปเลยหรือไม่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่มีการล็อก เพราะใครมาก่อนก็ควรได้จอดในช่อง ไม่ควรไปจอดขวางทางเข้าออก ส่วนจะต้องหารือกับนายพิเชษฐ์หรือไม่ ก็อยู่ที่ข้าราชการที่มีอำนาจรวมถึงตัวนายพิเชษฐ์ ต้องลองหารือกันดูเพราะเริ่มมีประเด็นแล้ว.