"เจษฎ์" มอง "นายกฯ" ตั้งคนใกล้ชิด "ทักษิณ" นั่ง "ทปษ." สะท้อนบริหารไม่เต็มมือ
"เจษฎ์" ประเมิน 3แนวทาง หลัง "เศรษฐา" ตั้งคนใกล้ชิด "ทักษิณ" นั่งทีมที่ปรึกษานายกฯ ย้ำสะท้อนอำนาจบริหารมีไม่เต็มมือ แนะให้ทำงานพิสูจน์ตัว ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
นายเจษฎ์ โทณะวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ลงนามตั้ง 9 ที่ปรึกษาของนายกฯ โดยพบว่ามีชื่อของนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความที่ถูกคำสั่งศาลให้จำคุกข้อหาละเมิดอำนาจศาล กรณีถุงขนม 2ล้านบาท ร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาด้วยว่า เรื่องดังกล่าวสามารถมองได้ 3 แนวทาง คือ
1.ทำให้เห็นว่านายเศรษฐาไม่มีอำนาจเต็มในการดำเนินการบริหารใดๆ และไม่สามารถสลัดภาพที่ถูกมองว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เบื้องหลังทั้งหมดได้ ดังนั้นบุคคลที่ตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ส่วนใหญ่จึงมีชื่อซึ่งเคยเป็นคนใกล้ชิดนายทักษิณ
2.เป็นการชั่งน้ำหนักระหว่างประวัติในอดีตและการทำงานในอนาคตมาอย่างดีแล้ว เพราะต้องยอมรับว่ารัฐบาลปัจจุบันขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เห็นจากการทำหน้าที่ของ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ต่อความเข้าใจในประเด็นอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ จึงถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลในเรื่องกฎหมาย ดังนั้นเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว กับประสบการณ์ด้านกฎหมายและประวัติที่ด่างพร้อย กรณีติดสินบนศาล นายกฯ อาจเห็นว่าการเข้ามาช่วยอาจเป็นประโยชน์และสามารถทำประโยชน์จนกลบประวัติที่ไม่ดีในอดีตได้ จึงจำเป็นต้องใช้คนนี้
และ 3.เป็นการต่างตอบแทนให้กับคนที่เคยทำงานให้กับนายทักษิณ ซึ่งตอกย้ำว่ารัฐบาของนายเศรษฐา สลัดภาพของนายทักษิณอยู่เบื้องหลังไม่ได้
“ดังนั้นในการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา จำเป็นต้องพิสูจน์ฝีมือ และยึดประโยชน์ของส่วนรวม ประโยชน์ของบ้านเมือง มากกว่าประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง ผมมองว่าหากคนที่มีประวัติด่างพร้อยเข้ามาทำงานและทำประโยชน์ให้ประเทศมากกว่าส่วนตนหรือพวกพ้อง จะเป็นผลดีต่อรัฐบาล และคนจะสนใจที่ผลงานที่ดำเนินการมากกว่าสิ่งที่เกิดในอดีต ขณะเดียวกันนายเศรษฐาต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน” นายเจษฎ์ กล่าว