รัฐประหารเงียบ ‘เกษตรฯ’ แผน‘เบอร์หนึ่ง-บิ๊ก ขรก.ล่ม
ต้องจับตาว่า ความขัดแย้งภายในกระทรวงเกษตรฯ จะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไร ท่ามกลางความหวังของ “ใครบางคน” ที่จ้องจะเลื่อยขา “เจ้ากระทรวง” หวังเข้าไปยึดโควตาเก้าอี้นี้คืน เพื่อสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงเสียที
แค่แบ่งงานก็เปิดศึกสะท้านกระทรวง ภายหลัง " ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกคำสั่งแบ่งงานให้ "อนุชา นาคาศัย" และ "ไชยา พรหมา" 2 รมช.เกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบกรม-กองในกระทรวง
โดย “ธรรมนัส” รับเหมากำกับดูแล 14 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
กรมประมง การยางแห่งประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
“อนุชา” กำกับดูแล 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมการข้าว กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และองค์การสะพานปลา
“ไชยา” กำกับดูแล 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมปศุสัตว์ กรมฝนหลวงฯ กรมหม่อนไหม องค์การส่งเสริมกิจการโคนมฯ (อ.ส.ค.)
สำหรับการแบ่งงานในกระทรวง แม้จะเป็นอำนาจเต็มของ “ธรรมนัส” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ แต่การรับเหมา 14 หน่วยงาน แล้วแบ่งให้ “อนุชา-ไชยา” ดูแลคนละ 4 หน่วยงาน ถูกทักท้วงว่าหวงกรมกองมากเกินไป
ที่สำคัญหน่วยงานใหญ่ อาทิ กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ต่างอยู่ภายในความดูแลของ “ธรรมนัส” ทั้งสิ้น
จึงไม่แปลกที่ “อนุชา-ไชยา” จะแสดงความไม่พอใจ ออกแอ็กชั่นหน้าฉาก-หลังฉาก กดดันให้ “ธรรมนัส” แบ่งงานใหม่ กระจายอำนาจอย่างยุติธรรม ไม่อยากให้เกิดความบาดหมาง จนกลายเป็นรอยร้าว
ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวว่าจาก “บิ๊กข้าราชการ” ภายในกระทรวงเกษตรฯ ว่ามีคำสั่งจาก “เบอร์หนึ่งกระทรวง” ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการลับลวงพราง ด้วยการร่างคำสั่งให้ “ข้าราชการ” ทุกกรม-ทุกหน่วยงาน ขึ้นตรงกับ “รัฐมนตรีว่าการ” เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ข้าราชการอีก 8 หน่วยงาน ซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลของ “อนุชา-ไชยา” ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งจาก “ 2 รมช.”
แหล่งข่าว ระบุว่า “มีบางคำสั่ง มีบางข้อยกเว้นหลายอย่าง ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น การออกใบอนุญาต การสั่งงานข้าราชการ ซึ่งข้าราชการภายในกระทรวงเกษตรฯ นำไปเปรียบเทียบแล้ว มีความแตกต่างจากรัฐมนตรีว่าการ ทุกยุคทุกสมัย”
“คำสั่งอันใหม่เพิ่มข้อยกเว้น ที่เป็นเรื่องอำนาจของ รมช. เช่น งานบุคคล งานงบประมาณ มีปัญหาการบริหารจัดการในหน่วยงานที่รับผิดชอบ รมช.ทำไม่ได้ กรมรับผิดชอบก็ไม่สามารถทำอะไรได้” แหล่งข่าวระบุ
ว่ากันว่า คำสั่งดังกล่าวอาจจะไม่ใช่แนวคิดของ“เบอร์หนึ่งกระทรวง” แต่มี “บิ๊กข้าราชการ”พยายามเสนอไอเดียให้ “เบอร์หนึ่ง” รัฐประหารเงียบยึดกระทรวงเกษตรฯ ให้มาอยู่ภายใต้ความดูแลของตัวเองทุกกรม ทุกหน่วยงาน
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า “2 รมช.” เดินเกมรุก กดดันหนักขอให้ “บิ๊กข้าราชการ”เปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดการรวบอำนาจมากจนเกินควร เนื่องจาก “ 2 รมช.” ต่างก็ต้องโชว์ผลงานของตัวเอง เพื่อรักษาเก้าอี้เอาไว้เช่นกัน
โดย “อนุชา” จะถูกประเมินจากแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่นเดียวกับ “ไชยา” ที่จะถูกแกนนำพรรคเพื่อไทยประเมินเช่นกัน หากผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์ หรือตกอยู่ในสถานะ “รัฐมนตรีโลกลืม” ก็มีโอกาสที่จะโดนยึดเก้าอี้คืน
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ “อนุชา-ไชยา”ต่างออกมาขยับ แม้หนึ่งคนจะเปิดเกมรุกหน้าฉาก ส่วนอีกหนึ่งคนขยับหลังฉาก เคลื่อนไหวแบบจัดเต็ม เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างของ “เบอร์หนึ่ง”
ศึกยกแรกภายในกระทรวงเกษตรฯ เสมือนเกมชิมลาง-เปิดเกม-เปิดแผล เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว ทั้ง “3 รัฐมนตรี” ต่างมีอดีตแค้นซึ่งกันและกัน “บางคน”ถึงขั้นเคยท้าต่อยกันมาแล้ว
หลังจากนี้ จึงต้องจับตาว่า ความขัดแย้งภายในกระทรวงเกษตรฯ จะปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไร ท่ามกลางความหวังของ “ใครบางคน” ที่จ้องจะเลื่อยขา “เจ้ากระทรวง” หวังเข้าไปยึดโควตาเก้าอี้นี้คืน เพื่อสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงเสียที