จาก ‘ศาสดา’ สู่ ‘ผู้ร้าย’ 5 ปีในเสื้อส้ม ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’
"...หลังเลือกตั้ง 2566 ‘ปิยบุตร’ โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ก้าวไกลว่า ไม่ควรปล่อยเก้าอี้ประธานสภาฯไปง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป สุดท้ายเมื่อก้าวไกลต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน ก็ปิยบุตรอีกที่ออกโรงว่า ก้าวไกลควรประกาศเป็นฝ่ายค้านอย่างภาคภูมิ..."
กลายเป็นเรื่อง ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ ไปเสียแล้ว
พลันที่ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และอดีตผู้ก่อตั้ง และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ถึงกับตัดพ้อผ่านไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ประกาศชัดเจนไม่คอมเมนต์เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองอีกต่อไป
หลังจากแสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์ ‘พรรคก้าวไกล’ ว่า ไม่ยอมโชว์จุดยืนเรื่องศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในคดีฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
ทำเอา ‘ด้อมส้ม’ รุ่นใหม่พาเหรด ‘ทัวร์ลง’ ใส่สื่อโซเชียลฯของ ‘ปิยบุตร’ ทุกแพลตฟอร์ม
แม้จะมีบรรดา ‘ด้อมส้ม’ รุ่นเก๋า คอยเบรกคอยห้าม แต่ไม่ทันกาล
ส่งผลให้ ‘ปิยบุตร’ ในสายตาของ ‘ด้อมส้ม’ บางส่วน แปรเปลี่ยนจาก ‘ศาสดาทางความคิด’ เป็น ‘ผู้ร้าย’ ไปเรียบร้อย
สำหรับ ‘ปิยบุตร’ ปัจจุบันอายุ 43 ปี หลายคนเรียกเขาว่า ‘อาจารย์ป๊อก’ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง ‘กลุ่มนิติราษฎร์’ แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และโครงสร้างทางสังคม รวมถึงแสดงความไม่เห็นด้วยกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา
ก่อนกระโดดลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว เมื่อร่วมกันก่อร่างสร้าง ‘พรรคอนาคตใหม่’ กับ ‘กลุ่มเพื่อนเอก’ นำโดย ‘ไพร่หมื่นล้าน’ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชัยธวัช ตุลาธน ศรายุทธ ใจหลัก และมีบรรดาผู้ก่อตั้งพรรคยุคแรกอีกไม่กี่สิบชีวิต ส่วนใหญ่เป็น ‘คนรุ่นใหม่’ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจสตาร์ทอัพ-SMEs นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์-นิติศาสตร์ ผู้กำกับ ศิลปิน นักแสดง เป็นต้น
ในช่วงปี 2561 เรียกได้ว่าเป็นช่วง ‘รุ่งเรือง’ ของ ‘ปิยบุตร’ ถูกคัดเลือกเป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะไปพูด หรือหาเสียงที่ไหนก็ตาม มักมีแฟนคลับห้อมล้อม ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก กระทั่งเขาถึงจุดสูงสุดทางการเมืองเมื่อปี 2562 ได้เข้าสู่สภาฯครั้งแรก ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น หอบหิ้ว สส.เข้าสภาฯได้มากถึง 81 ชีวิต สร้างปรากฎการณ์ ‘พ่อของฟ้า’ ที่ชูโรง ‘ธนาธร’ สร้างแรงสะเทือนไปทั่วองคาพยพการเมือง
อย่างไรก็ดีช่วงเวลารุ่งโรจน์ทางการเมืองของเขาอยู่ได้เพียงปีเศษก็ต้องสิ้นสุดลง เมื่อพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ‘ยุบพรรค’ จากกรณีกู้ยืมเงินจาก ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ วงเงิน 191 ล้านบาทเศษ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ
มีเสียงซุบซิบกันหนาหูอย่างมากว่า ในช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น มีความพยายามจาก ‘บิ๊กสีส้ม’ 2 คน ขอเข้าพบ ‘บิ๊กทหาร’ ผู้กุมอำนาจในกองทัพนายหนึ่ง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีเจตนาล้มล้างสถาบันฯ โดยทั้ง 2 คน ถูกพาตัวขึ้นรถจี๊บทหาร ปิดตา ถุงดำคลุมหัว เพื่อนั่งรถไปพบ แต่สุดท้ายไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการว่า มีการหารือเกิดขึ้นจริงหรือไม่
หลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ บรรดา สส.ต่างแตกรัง บางส่วนกลายเป็น ‘งูเห่า’ ไปสังกัดพรรคการเมืองซีกรัฐบาลขณะนั้น เหลืออีกราว 50 ชีวิตไปเทคโอเวอร์พรรคใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น ‘ก้าวไกล’ ผลักดัน ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นหัวหน้า และ ‘ต๋อม ชัยธวัช’ นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค คอยทำงานหลังบ้าน
ส่วน ‘ปิยบุตร-ธนาธร-พรรณิการ์’ 3 คีย์แมนอดีตพรรคอนาคตใหม่ ไปตั้ง ‘คณะก้าวหน้า’ เพื่อขับเคลื่อนงานนอกสภาฯ และปูทางเล่นการเมืองท้องถิ่น โดยในการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล รวมถึง กทม. และเมืองพัทยา แม้จะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า แต่ก็ไม่ขาดทุนเสียทีเดียว พาผู้สมัครเข้าวินเป็น ส.อบต. ส.อบจ. สมาชิกเทศบาลกันได้ไม่น้อย แม้จะเป็นการสมัครครั้งแรกก็ตาม
แต่ในช่วงพรรคก้าวไกลนี่เอง ที่เริ่มมีกลิ่นความ ‘ร้าวฉาว’ ระหว่าง ‘ปิยบุตร’ และบรรดา ‘แกนนำก้าวไกล’ บางส่วน เนื่องจากปิยบุตรมองว่า อุดมการณ์ของก้าวไกล ไม่เข้มข้นเท่ากับอนาคตใหม่ ทำให้เกิดวิวาทะหลายครั้ง และเป็น ‘ธนาธร’ เข้ามาเป็นกาวใจจบปัญหาเรื่องเหล่านี้
กรณีร้อนล่าสุดคือประเด็นระหว่าง ‘ปิยบุตร’ และ ‘พิธา’ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2566 ที่เกิดวิวาทะกันร้อนแรงถึงขนาดต้องโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ใส่กันในโซเชียลมีเดีย ร้อนถึง ‘ธนาธร’ อีกครั้งต้องออกมา ‘ดับไฟ’ และโพสต์ภาพผ่านโซเชียลฯ ยืนยันว่าทั้งคู่คืนดีกันแล้ว
แต่แต่ฉากหลังต่างฝ่ายต่างรู้กันดีว่า 2 คนนี้ มิได้ ‘สนิทใจ’ กันอีกต่อไป เพียงแค่ประนีประนอมผ่านหน้าฉาก เพราะไม่อยากให้ชื่อของ ‘ก้าวไกล’ เสื่อมเสีย
และในช่วงเวลานี้เองที่ความขัดแย้งระหว่าง ‘ปิยบุตร’ กับ ‘แกนนำก้าวไกล’ ปะทุหนักขึ้น เพราะแนวทางบริหารจัดการไม่ตรงกัน นี่ยังไม่นับบรรดา ‘ก๊กก๊วน’ เด็กใครเป็นเด็กใคร ที่พาเหรดได้เป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ข้ามหน้าข้ามตาอดีตลูกหม้อยุคอนาคตใหม่
หลังเลือกตั้ง 2566 ‘ปิยบุตร’ เป็นเพียงอดีตลูกหม้อสีส้มคนเดียวที่ออกมาโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ก้าวไกลว่า ไม่ควรปล่อยเก้าอี้ประธานสภาฯไปง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป สุดท้ายเมื่อก้าวไกลต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน ก็ปิยบุตรอีกที่ออกโรงว่า ก้าวไกลควรประกาศเป็นฝ่ายค้านอย่างภาคภูมิ แต่อย่าทำลายจุดยืนพรรค ค่อยว่ากันใหม่ในการเลือกตั้งรอบหน้า
ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ ‘ปิยบุตร’ ออกโรงปกป้อง ‘พรรณิการ์’ หนึ่งในสหายร่วมรบตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ แต่ ‘ก้าวไกล’ กว่าจะตื่นมาออกแถลงการณ์ก็ช้าไปเป็นวัน สุดท้าย ‘ด้อมส้ม’ ยุคใหม่พาทัวร์ไปลง จน ‘ปิยบุตร’ ต้องประกาศเลิกเคลื่อนไหวทางการเมือง และงดเขียนถึง ‘ก้าวไกล’ อย่างเด็ดขาด โดยเตรียมเพียงข้อเขียนสุดท้ายเอาไว้เท่านั้น
หยุดเวลาสวมเสื้อส้มไว้เพียง 5 ปีเศษ คงเหลืออุดมการณ์เก็บไว้ในใจเท่านั้น