'วิโรจน์' ปูดสหกรณ์ฯ ตร.ลำพูนทุจริต 220 ล. ขอ ผบ.ตร.ใหม่สาง ขยายผลทั่วประเทศ
'วิโรจน์' ปูดปมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจลำพูน ปลอมเอกสาร-ลายเซ็น เพิ่มยอดกู้เงิน เอาส่วนเกินเข้ากระเป๋าตัวเอง พบ ตร.ชั้นผู้น้อยตกเป็นเหยื่อกว่า 423 ราย เสียหายกว่า 220 ล้าน ขอ ผบ.ตร.คนใหม่ เอาจริงสั่งสอบ วอนขยายผลให้ทั่วประเทศ เชื่อไม่ได้มีแค่ที่เดียว
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวที่ห้องแถลงข่าว อาคารรัฐสภา ถึงกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ จ.ลำพูน ปลอมแปลงเอกสารการกู้เงินสหกรณ์ของตำรวจกว่า 423 ราย มูลค่าความเสียหายกกว่า 220 ล้านบาท
โดยนายวิทวิสิทธิ์ ในฐานะผู้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง กล่าวว่า จากการสืบสาวเรื่องราวเบื้องต้น พบว่ากลไกการฉ้อโกงดำเนินการโดยการสังเกตสอดส่องพฤติกรรมของสมาชิกสหกรณ์ฯ ว่าได้มาติดต่อสหกรณ์บ่อยหรือไม่ หากไม่บ่อยก็จะมีการสวมสิทธิ์ปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้ยอดเงินกู้เกินความเป็นจริง แล้วยักยอกเอาส่วนเกินนั้นไป เช่น กรณีที่เกิดขึ้นกับนายตำรวจรายหนึ่ง ที่ขอกู้ยืมเงินสหกรณ์ฯ ตั้งแต่ปี 2541 เพื่อซื้อรถยนต์เป็นจำนวน 4 แสนบาท ผ่อนชำระมาจนคิดว่าใกล้จะปิดยอดครบแล้ว จึงกลับไปที่สหกรณ์เพื่อตรวจสอบสถานะการกู้เงิน แต่กลับพบว่าเหลือหนี้อยู่กว่า 7 แสนกว่าบาท และเมื่อตรวจสอบลงไปอีก ก็พบว่ามีการปลอมแปลงรายละเอียดในเอกสาร เปลี่ยนจากเงินกู้ 4 แสนบาท เป็น 9 แสนบาท
นายวิทวิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากนั้น ตำรวจคนดังกล่าวจึงได้แจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ด้วยความกังวลใจ ว่าคณะกรรมการสหกรณ์ส่วนหนึ่งเป็นนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาของตัวเองด้วย จึงตัดสินใจนำหลักฐานมามอบให้ตนและพรรคก้าวไกลเข้าไปดำเนินคดีต่อไป
นายวิทวิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางจากนี้ พรรคก้าวไกลจะนำเรื่องดังกล่าวส่งต่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งต่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกชุดส่งให้ประธานกรรมาธิการตำรวจของสภาผู้แทนราษฎร และพรรคก้าวไกลก็จะได้ติดตามทวงความเป็นธรรมให้กับตำรวจอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายวิโรจน์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวนี้ พบว่าเอกสารทั้งหมดล้วนถูกปลอมแปลงในภายหลัง มีการขีดฆ่ามูลหนี้เปลี่ยนยอดเงิน และปลอมแปลงลายเซนต์ มีทั้งกรณีการเพิ่มยอดเงินกู้ และการสวมสิทธิ์เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่เคยกู้เงินเลย จนกลายเป็นหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อขั้น ตนสงสัยเป็นอย่างมากว่ากรณีนี้ไม่ได้เกิดที่สหกรณ์ออมทรัพย์ จ.ลำพูนเพียงที่เดียว เพราะปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องใหญ่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งต้องมีการขยายผลตรวจสอบไปที่อื่นๆ ต่อไป
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่เมื่อวานนี้ ตนจึงอยากฝากให้ ผบ.ตร. ได้เร่งรัดกรณีนี้เป็นเรื่องแรก อย่ารอพรรคก้าวไกลและ สส.ก้าวไกล ผบ.ตร. ตรวจสอบได้ทันที เพราะถ้าไม่มีการสั่งการโดยตรง การตรวจสอบย่อมดำเนินต่อไปได้ยาก กรรมการสหกรณ์ส่วนใหญ่ก็เป็นระดับบังคับบัญชาในพื้นที่ เรื่องนี้ถ้าให้ดีที่สุด ผบ.ตร. ต้องตรวจสอบในระดับทั้งประเทศ
“ถ้า ผบ.ตร. เอาจริงเอาจังและใส่ใจในเรื่องขวัญกำลังใจของผู้บังคับบัญชาจริง ไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็น่าจะรู้ผล เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ลำพูน และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สหกรณ์ตัวเล็กๆ ทำเพียงลำพังคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ คงไม่เป็นการเหนือบ่ากว่าแรงที่จะไปติดตาม ว่าเงินส่วนเกินที่เกิดจากการปลอมแปลงไปเข้าที่บัญชีของใคร และเชื่อมโยงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนไหน” นายวิโรจน์ กล่าว