‘มท.’ สั่ง คุมเข้ม “ปืน” งดออกใบอนุญาต เด็กต่ำกว่า 20 ห้ามเข้าสนามยิง
“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะ ถกมาตรการคุมเข้มอาวุธปืน 3 ระยะ ชี้ หากจำเป็นต้องแก้กฎหมาย สั่ง นายทะเบียนงดออกใบอนุญาตทุกชนิด ผู้ครอบครอง “แบลงค์กัน-บีบีกัน” แจ้งทางการ อายุต่ำกว่า 20 ห้ามเข้าสนามยิงปืน ลุยปิดเว็บขายเถื่อน
ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดมาตรการควบคุมการครอบครอง การพกพา และการใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว หากจำเป็นต้องเสนอแก้กฎหมาย โดย นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบให้กรมการปกครองเป็นผู้รับผิดชอบในการออกมาตรการ โดยกำหนดเป็นมาตรการ ดังนี้
มาตรการระยะสั้น
(1) ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ (นายอำเภอในต่างจังหวัด / อธิบดีกรมการปกครองใน กทม.) งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งสิ่งที่เทียมอาวุธปืนทุกชนิด (สำหรับผู้รับใบอนุญาตรายเดิมที่จะสั่งนำเข้าเพิ่มเติม) และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก
(2) ขอให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่อาจดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ให้นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนที่ครอบครองอยู่ ไปแสดงและบันทึกต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนาซึ่งตนมีทะเบียนบ้านอยู่
(3) ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบลงค์กัน และบีบีกัน ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้อย่างเข้มงวด
(4) ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วประเทศให้มีการกวดขัน ตรวจสอบ ทั่วประเทศ
(4.1) ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้น ได้รับอนุญาตตามระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น นักกีฬายิงปืนทีมชาติ
(4.2) อาวุธปืนที่ใช้จะต้องมีทะเบียนถูกต้อง และตรงตัวกับผู้มาใช้บริการ
(4.3) ห้ามนำกระสุนปืนออกภายนอกสนามเด็ดขาด
(4.4) สำหรับกรณีสนามยิงปืนในการกำกับดูแลของส่วนราชการ ขอให้ดำเนินการกวดขัน ตรวจสอบ ให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน
(5) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
(6) กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินการโครงการอาวุธปืนสวัสดิการของทุกส่วนราชการ
(7) ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
(8) ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / บข.สอท.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปราบปราม และปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยขอให้รายงานผลการปฏิบัติให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุก 15 วัน
มาตรการระยะยาว
การแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
(1) ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ
(2) ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึง แบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย
(3) กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืน
(4) ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นจะต้องนำอาวุธปืน มายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก ทุกราย
(5) ให้ใบอนุญาตมีอาวุธปืนภายในวงเล็บ (ป.4) มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัว กับนายทะเบียน ในทุก 5/10 ปีเพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตเช่นเดียวกันกับใบขับขี่รถยนต์
ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางจำกัดการออกใบอนุญาตพกปืนแก่บุคคลทั่วไป ว่า วันนี้(5 ต.ค.) ได้เชิญ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เข้ามาร่วมประชุม โดยได้ให้ไปตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมาย กฎกระทรวง และพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน รวมถึงสิ่งที่อันตรายให้แก่คนได้ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพูดคุยกัน เพื่อพิจารณาดูว่าตรงไหนจะต้องมีการควบคุม ซึ่งได้ให้นโยบายไปแล้ว
ในยุคที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คงจะไม่มีการอนุญาตให้บุคคลธรรมดาทั่วไป มีใบอนุญาตพกปืนไปไหนมาไหนได้ ต้องทำไปทีละขั้นตอน รวมถึงสิ่งที่ดัดแปลงเป็นอาวุธด้วย เช่น บีบีกัน เป็นของเล่นที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ไปดัดแปลงเป็นอาวุธที่ร้ายแรงได้ ก็ต้องควบคุมให้หมด โดยจะขยายขอบเขตไปถึงสิ่งเทียมอาวุธทั้งหมด ซึ่งได้แจ้งอธิดีกรมการปกครอง ไปแล้ว หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไข พ.ร.บ. ก็ต้องทำ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการให้นโยบายไปแล้วว่าต้องมีการจำกัดการใช้อาวุธเหล่านั้น
นายอนุทิน ยังระบุว่า ได้ให้แนวคิด อธิบดีกรมการปกครอง ว่า ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วสำหรับคนที่อยากพกอาวุธ เพราะรู้สึกว่า ตนเองไปมีเรื่องมีราว ปืนหรืออาวุธที่จะใช้ป้องกันตัว หรือทำร้ายชีวิตคนอื่นได้ โดยจะพกพาได้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น พร้อมต้องมีการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนไหนที่ทำได้ภายในกระทรวงก็จะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ ต้องมีการควบคุมการใช้สนามยิงปืน โดยบุคคลที่ไม่พ้นนิติภาวะไม่ควรเข้าไปใช้สนามยิงปืน หรือกรณีที่อ้างว่าใบอนุญาตเพื่อพกพาไปยังสนามซ้อม ที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ แต่จากนี้ไป อาจจะต้องบังคับคนที่ยิงปืนเพื่อการกีฬา ให้ฝากปืนไว้ที่สนามยิงปืน เอาออกมาไม่ได้ เป็นแนวทางที่ได้ให้ไป แต่การออกมาเป็นระเบียบก็ต้องให้กรมการปกครองนำเสนอมาก็ต้องให้กรมการปกครองนำเสนอมา