เจาะเซฟ 'ปืน' นักการเมือง 'ของสะสม' รมต. สส.บ้านใหญ่ นายทุนพรรค
"...ประเด็นที่น่าสนใจ มิใช่แค่กรณีตำรวจ-ทหาร หรือประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมี “นักการเมือง” ทั้งในสภาฯ-นอกสภาฯ หลายคนแจ้งถือครองอาวุธปืน บางคนมีหลายสิบกระบอก..."
สถานการณ์เศร้าสลดเกิดขึ้นในไทยอีกครั้ง สำหรับเหตุ “กราดยิง” ล่าสุด เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจจับผู้ก่อเหตุเป็นแค่ “เด็กชาย” วัย 14 ปีเท่านั้น ปัจจุบันถูกนำตัวฝากขังที่สถานพินิจฯ แล้ว
ก่อนหน้านี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ไทยจะเผชิญสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังเผชิญเหตุ “กราดยิง” ในลักษณะคล้ายๆ กันนี้อยู่หลายครั้งด้วยกัน ยกตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญ เช่น กรณี “จ่าคลั่ง” กราดยิงในห้างดัง จ.นครราชสีมา กรณี “ครูกอล์ฟ” บุกปล้น และกราดยิงร้านทองใน จ.ลพบุรี กรณี “ตำรวจ” กราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู เป็นต้น
ทำให้กระแสในสังคมตั้งคำถามว่า ถ้าไม่ใช่ตำรวจ-ทหาร แต่กรณีอย่างประชาชนทั่วไป เช่น เด็กชายวัย 14 ปี เหตุใดจึงพกปืนไปในที่สาธารณะได้ขนาดนี้
ขณะที่รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำได้แค่ “วัวหายล้อมคอก” โดยกระทรวงมหาดไทย ในฐานะแม่งานที่ควบคุม และให้สิทธิใบทะเบียนอนุญาตพกปืน ต้องรีบเร่งเพิ่มมาตรการครอบครองอาวุธปืนทันที สั่งการให้อธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการโดยด่วน
“การได้มาซึ่งอาวุธปืนต้องมีการเข้มงวด คนที่ซื้ออาวุธปืนต้องขอใบอนุญาต ต้องลงไปดูเรื่องการซื้อกระสุนด้วย สนามยิงปืน สนามซ้อมปืน เขาก็ห้ามคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปใช้อาวุธปืน ทั้งหมดคือคนเลี่ยงกฎหมาย ส่วนคนที่มีหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบ ไม่ทำหน้าที่ตนเองอย่างเคร่งครัด” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุ
ประเด็นที่น่าสนใจ มิใช่แค่กรณีตำรวจ-ทหาร หรือประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมี “นักการเมือง” ทั้งในสภาฯ-นอกสภาฯ หลายคนแจ้งถือครองอาวุธปืน บางคนมีหลายสิบกระบอก
กรุงเทพธุรกิจ ยกบางส่วนมานำเสนอ ดังนี้
- รัฐมนตรีใน ครม.เศรษฐา
“ชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ปัจจุบันนั่ง รมช.มหาดไทย และถูก มท.1 แต่งตั้งให้เป็น “หัวโต๊ะ” ในการปราบปราม “มาเฟีย-ผู้มีอิทธิพล” ทั่วประเทศ "ชาดา" แจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ ในปี 2566 ว่าถือครองอาวุธปืน มิได้ระบุชนิด อย่างน้อย 23 กระบอก ตามใบอนุญาต รวมมูลค่า 1.3 ล้านบาท
“อนุทิน ชาญวีรกูล” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะ รมว.มหาดไทย คนสั่งคุมเข้มมาตรการขอใบอนุญาตพกปืน และสารตั้งต้นการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในไทย แจ้งทรัพย์สินฯ ปี 2566 ถือครองปืน มิได้ระบุชนิด 1 กระบอก มูลค่า 50,000 บาท
“ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐ โดยผู้กองคนดังแจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 7 กระบอก เป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 5 กระบอก ปืนสั้นลูกโม่ 1 กระบอก ปืนเดี่ยวไรเฟิล 1 กระบอก รวมมูลค่า 4.5 แสนบาท
“อนุชา นาคาศัย” รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ แจ้งทรัพย์สินฯ ปี 2566 มีปืน 23 กระบอก มิได้ระบุชนิด ได้มาระหว่างปี 2526-2559 รวมมูลค่า 689,000 บาท
“พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ แจ้งทรัพย์สินฯ ปี 2566 มีปืน 3 กระบอก เป็นปืน .357 สมิทแอนด์เวสสัน ได้มาปี 2526 มูลค่า 60,000 บาท ปืนออโต้เมติกขนาด .9 นอร์หอเมริกัน ได้มาปี 2544 มูลค่า 45,000 บาท และปืน .38 สมิทแอนด์เวสสัน ได้มาปี 2545 มูลค่า 20,000 บาท
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แจ้งทรัพย์สินฯปี 2566 มีปืน 1 กระบอก เป็นปืนเดี่ยวลูกซองยาว 5 นัด ขนาด.12 ได้มาปี 2552 มูลค่า 22,000 บาท
“วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แจ้งทรัพย์สินปี 2566 ถือครองปืนกล็อก 1 กระบอก มูลค่า 70,000 บาท
“เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รมว.วัฒนธรรม แม้จะยังมิได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีใน "ครม.เศรษฐา" แต่เมื่อย้อนกลับไปสมัยเป็น รมช.ศึกษาธิการ “ครม.ยิ่งลักษณ์” เคยแจ้งทรัพย์สินระบุว่า ถือครองปืน 4 กระบอก คือ ปืนสั้นรีวอลเวอร์ขนาด .357 2 กระบอก ปืนออโตเมติกขนาด 99 ม.ม. 2 กระบอก ส่วน “ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” ภรรยา มีปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
- นักการเมืองชื่อดัง
“ชวน หลีกภัย” ผู้นำทางจิตวิญญาณแห่ง “ค่ายสะตอ” และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งทรัพย์สิน ปี 2566 มีปืน 2 กระบอก เป็นปืนสั้น และปืนยาวอย่างละ 1 กระบอก มูลค่า 40,000 บาท
“นพดล ปัทมะ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.การต่างประเทศ แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 14 กระบอก มูลค่า 1,612,000 บาท
“อนุชา สะสมทรัพย์” สส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ระดับ “บ้านใหญ่” แจ้งทรัพย์สินฯ ปี 2566 สะสมปืน 40 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2522-2562 ทั้งปืนสั้นชนิดกึ่งอัตโนมัติ ปืนออโตเมติก ปืนยาวชนิดเดี่ยวลูกซอง ปืนสั้นชนิดลูกโม่ ปืนสั้นรีวอลเลอร์ ปืนเดี่ยวลูกกรด เป็นต้น รวมมูลค่า 3,137,620 บาท
“ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 5 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2555-2556 ทั้งปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ปืนยาวเดี่ยวลูกซอง ปืนสั้นลูกโม่ รวมมูลค่า 4.5 แสนบาท
“เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” สส.บัญชีรายชื่อ แกนนำแถวหน้าพรรคก้าวไกล แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก ได้มาปี 2563 รวมมูลค่า 1.5 แสนบาท
“วุฒินันท์ บุญชู” สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 4 กระบอก ทั้งปืนลูกโม่ ปืนกึ่งอัตโนมัติ ได้มาระหว่างปี 2531-2563 รวมมูลค่า 5.6 แสนบาท
“สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ อีกหนึ่งแถวหน้าของพรรคก้าวไกล แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 2 กระบอก เป็นปืน Glock 1 กระบอก ปืน Sig Sauer 1 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2562-263 รวมมูลค่า 80,680 บาท
“นริศ ขำนุรักษ์” อดีต สส.ลายครามแห่ง ปชป. อดีต รมช.มหาดไทย แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 3 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2534-2551 มูลค่ารวม 50,000 บาท
“สุชาติ ตันเจริญ” สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย อดีตรองประธานสภาฯ “บ้านใหญ่ริมน้ำ” แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 11 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2533-2544 ทั้งปืนสั้น ปืนยาว มูลค่ารวม 5.8 แสนบาท
“วัน อยู่บำรุง” อดีต สส. "บ้านใหญ่ฝั่งธนฯ" เพื่อไทย แจ้งทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่ง สส.ปี 2566 มีปืน 3 กระบอก ทั้งปืนออโตเมติก ปืนเดี่ยวลูกซอง ได้มาระหว่างปี 2538-2540 รวมมูลค่า 135,000 บาท
“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย “บ้านใหญ่เซาะกราว” แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 3 กระบอก เป็นปืนลูกโม่ .38 1 กระบอก และปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2541-2552 รวมมูลค่า 1.2 แสนบาท
“ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์” สส.เพชรบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ อีกหนึ่งนักการเมืองระดับ “บ้านใหญ่” แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืนรวม 48 กระบอก มูลค่ารวม 9.5 แสนบาท
“วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” ฉายา “เสี่ยแป้งมัน” บ้านใหญ่โคราช ที่ประกาศวางมือทางการเมือง โดยส่งต่อลูกสาว และเครือญาติ-ขุมกำลัง ที่ย้ายค่ายมายังเพื่อไทย แจ้งทรัพย์สินหลังพ้น รมช.คมนาคม ปี 2566 มีปืน 26 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2550-2558 รวมมูลค่า 1,150,000 บาท
“สาธิต ปิตุเตชะ” อดีต รมช.สาธารณสุข อดีต สส.ประชาธิปัตย์ “บ้านใหญ่ระยอง” แจ้งทรัพย์สินหลังพ้นรัฐมนตรีปี 2566 มีปืน 2 กระบอก เป็นปืนออโตเมติก และปืนกึ่งอัตโนมัติ ได้มาระหว่างปี 2533-2555 มูลค่ารวม 90,000 บาท
“สุชาติ ชมกลิ่น” อดีต รมว.แรงงาน แกนนำรวมไทยสร้างชาติ อีกหนึ่ง “บ้านใหญ่ชลบุรี” ที่ขึ้นมาท้าทายขั้วอำนาจเก่า “คุณปลื้ม” แจ้งทรัพย์สินกรณีพ้นเก้าอี้ รมว.แรงงาน ปี 2566 มีปืน 12 กระบอก ทั้งปืนกล็อก ปืนสั้น ได้มาระหว่างปี 2547-2562 รวมมูลค่า 1,320,000 บาท
“ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์” บ้านใหญ่ “เชียงใหม่” อดีต สส.เชียงใหม่ ที่ประกาศโบกมือลาเพื่อไทยหลังเลือกตั้ง 2566 แจ้งทรัพย์สินกรณีพ้นสส. เมื่อปี 2566 มีปืน 5 กระบอก ทั้งปืนยาวอัดลม ปืนยาวลูกซองแฝด ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ปืนเล็กยาวลูกกรด ปืนพกลูกโม่ ได้มาระหว่างปี 2539-2551 มูลค่ารวม 255,000 บาท
“บุญยิ่ง นิติกาญจนา” สส.ลายคราม “บ้านใหญ่ราชบุรี” แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 1 กระบอก เป็น Sig Sauer กึ่งออโต้ ได้มาปี 2564 มูลค่า 28,680 บาท ส่วน “สามี” วิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ “กำนันตุ้ย” มีปืน 7 กระบอก ทั้งปืนรีวอลเลอร์ ปืนเดี่ยวลูกกรด ปืนเดี่ยวลูกซอง ได้มาระหว่างปี 2530-2533 มูลค่ารวม 3.1 แสนบาท
“ชัยชนะ เดชเดโช” แกนนำแถวหน้าค่ายสะตอ สส.บ้านใหญ่นครศรีธรรมราช แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 7 กระบอก ทั้งปืนยาวลูกซอง ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ปืนยาวไรเฟิล เป็นต้น มูลค่ารวม 603,000 บาท
“สุพล จุลใส” สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ พี่ชาย “ลูกหมี" ชุมพล จุลใส บ้านใหญ่ชุมพร แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 6 กระบอก ทั้งปืนรีวอลเลอร์ ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ มูลค่ารวม 385,000 บาท
“วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร บ้านใหญ่“ยะลา” แจ้งทรัพย์สินปี 2566 มีปืน 2 กระบอก ได้มาระหว่างปี 2554-2556 มูลค่ารวม 1 แสนบาท
- นักเคลื่อนไหวทางการเมือง
“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตประธาน นปช. เคยแจ้งทรัพย์สินสมัยเป็น สส.เพื่อไทย ปี 2555 มีปืน 4 กระบอก แต่ไม่ได้ระบุมูลค่า เช่น ปืน 9 ม.ม. ปืน .38 ม.ม. ปืน 7.65 ม.ม. และปืนลูกซอง
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตเลขาธิการ นปช. เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สิน สมัยเป็น สส.เพื่อไทย และ รมช.พาณิชย์ เมื่อปี 2555-2556 มีปืนออโตเมติก .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 12 นัด มูลค่า 1 แสนบาท
“วิทยา แก้วภราดัย” แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตแกนนำ กปปส.อดีต สส.นครศรีธรรมราช เคยแจ้งทรัพย์สินเมื่อพ้นตำแหน่ง สส.ปี 2557 มีปืน 2 กระบอก ได้แก่ ปืนรีวอลเวอร์ขนาด.38 ปืนลูกซอง 5 นัด ขนาด.12
“ถาวร เสนเนียม” อดีต สส.สงขลา ประชาธิปัตย์ อดีตแกนนำ กปปส. แจ้งทรัพย์สินกรณีพ้น รมช.คมนาคม เมื่อปี 2565 ถือครองปืน แต่มิได้ระบุจำนวน