‘ส้ม-แดง’แรงฤทธิ์ ปมร้อนวัดใจ ‘นิรโทษ’ก้าวไกล vs ‘อภัยโทษ’ทักษิณ
ปรากฏการณ์“ส้ม-แดง”แรงฤทธิ์ ต้องจับตา ว่าระหว่าง“นิรโทษกรรม”ก้าวไกล กับ“อภัยโทษ”ทักษิณ ฝ่ายใดจะร้อนแรงกว่ากัน!
เสียงอื้ออึง! รัฐบาลเตรียมออก “พรฎ.อภัยโทษทั่วไป” สำหรับนักโทษที่เหลือโทษไม่ถึงหนึ่งปี ถูกเปิดหัวโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน
“ตู่ จตุพร” อ่านเกมเพื่อไทย การออกกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้ “นายใหญ่” อย่าง“ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเวลานี้เหลือโทษจำคุกราวปีเศษ และกำลังรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ได้รับอานิสงส์พ้นโทษ โดยปริยาย
จับจังหวะเวลาที่ “เศรษฐา ทวีสิน” อยู่ระหว่างเดินทางเยือนต่างประเทศ จึงเลี่ยงเผือกร้อนโยนใส่มือ “นายกฯนิด”ให้ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ทำหน้าที่รักษาการ เป็นหนังหน้าไฟแทน
สิ้นเสียงจุดพลุอภัยโทษ แกนนำเพื่อไทยทั้ง รองภูมิธรรม หมอชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และรักษาการหัวหน้าพรรค รีบออกมาสยบลือเสียงขึงขัง ไม่มีการสอดไส้เรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมครม.10 ต.ค.แน่นอน พร้อมท้าให้ไปเปิดดูวาระประชุมครม.ได้เลย
หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือน ก.ย. มีการออกมาจุดพลุในประเด็น “พักโทษทักษิณ”นับถอยหลังสู่วันคืนอิสรภาพไปแล้วครั้งหนึ่ง เวลานั้น ว่ากันว่าคนใกล้ชิดมีการเตรียมการล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ก่อนที่ต่อมา “สิทธิ สุธีวงศ์” โฆษกกรมราชทัณฑ์ ชิงดับกระแสร้อน ยืนยันเสียงแข็ง “ทักษิณ” ยังไม่เข้าเงื่อนไขพักโทษ พร้อมกางเกณฑ์พักโทษในกรณีพิเศษ
“จะต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีภาวะป่วยชราภาพ และต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุก หรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า”
“เมื่อทักษิณได้รับการอภัย ลดโทษเหลือจำคุกเพียง 1 ปี ดังนั้นการรับโทษ 1 ใน 3 ของทักษิณก็คือ 4 เดือน หรือในเดือน ธ.ค. แต่ตามกฎหมายมีการระบุว่าหรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า จะเท่ากับว่า ทักษิณจะเริ่มนับหนึ่งสู่อิสรภาพในเดือนก.พ.2567” โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเมื่อวันที่18ก.ย.ที่ผ่านมา
ทว่า เรื่องการ “พักโทษ” และ “อภัยโทษ” มีการตีความไปถึง“แทคติกกฎหมาย” หรือหากจะตีความแบบ “ศรีธนญชัย” คือ
เมื่อเกณฑ์พักโทษของทักษิณ ระบุให้เขาต้องถูกจองจำอีกอย่างน้อย 6 เดือน โดยจะเริ่มนับหนึ่งอิสรภาพในเดือน ก.พ.2567
แต่หากทักษิณขออภัยโทษอีกรอบ เท่ากับว่าจะเหลือคุกแค่ 6 เดือน เมื่อกฎหมายบอกให้รับโทษ 1 ใน 3 นั่นคือ 2 เดือน นับจากวันรับโทษคือ22ส.ค.เท่ากับว่าจะได้รับอิสรภาพทันทีหากมีการอภัยโทษอีกครั้งโดยเฉพาะโอกาส“วันสำคัญ”ช่วงปลายปี
ในขณะที่การเมืองฝั่งหนึ่ง กำลังจับจ้องไปถึงการคืนสู่อิสระของ “ศาสดาแดง” อย่างยิ่งยวดแล้ว ข้ามฟากไป “ฝั่งส้ม”ที่เวลานี้อยู่ในขั้วตรงข้าม ก็กำลังจุดพลุ “นิรโทษกรรม” ทุกสีเสื้อ
พลันที่ “เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คนใหม่ นำทีม สส.เสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. … จำนวน 14 มาตรา ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
เจาะลึกไปที่ตัวร่าง หลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ตรงที่ การนับรวมคดีทุกสีเสื้อ นับแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2549 ลุกลามบานปลาย จนเกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองฯ ต่อมายังมีการรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
โดยอานิสงส์จาก พ.ร.บ.นี้ไม่ครอบคลุมถึงการกระทำบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา และไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
สิ้นเสียง“พลุสีส้ม”ปลุกผีนิรโทษกรรม มีเสียงท้วงติงจากการเมืองสีต่างๆ ตีกลับมายังก้าวไกล ถึงจุดประสงค์ของการเสนอร่างกฎหมาย โดยเฉพาะการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเวลานี้ “พลพรรคสีส้ม”ติดร่างแหคดีนี้หลายคน ตามมาด้วยคำถามที่ว่าการเสนอกฎหมายดังกล่าว ที่สุด“ทำเพื่อใครกันแน่?”
น่าสนใจว่า จังหวะก้าวย่างของพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้นเวลานี้ มีโอกาสไปถึงฝั่งฝันมากน้อยเพียงใด เพราะแค่ยังไม่เข้าสภา ก็มีเสียงอื้ออึงประเด็นนี้ หรือหากที่สุดร่างฉบับนี้เข้าสภา ก้าวไกลจะหาแนวร่วมในรัฐสภาอย่างไร เพราะต้องฝ่าด่านทั้ง สส.ภายใต้เกมยาวพิจารณา 3 วาระ
เมื่อแนวร่วมฝ่ายค้านก้าวไกล อย่าง ประชาธิปัตย์ ไม่เอาด้วยกับการนิรโทษคดี112 เวลานี้พรรคส้มก็จะเหลือเสียงในมือแค่ 150 เสียงบวกลบไม่ถึง10 ยังไม่นับรวมด่านสว.ที่ต้องให้ความเห็นชอบในด่านสุดท้าย ก่อนเสนอร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯ สถานการณ์ก้าวไกลยามนี้จึงไม่ต่างอะไรจากเกม “โดดเดี่ยว” ในสภา
พรรคส้มเองก็อ่านเกมตรงนี้ออก แต่การจุดพลุเช่นนี้ระยะหวังผลอาจอยู่ที่การ “ซื้อใจมวลชน” ทุกสีเสื้อ เปลี่ยนแต้มเหลือง-แดง แปรเปลี่ยนมาเป็นคะแนนส้มให้จงได้
จากนี้ต้องจับตาปรากฏการณ์“ส้ม-แดง”แรงฤทธิ์ ว่าระหว่าง“นิรโทษกรรม”ก้าวไกล กับ“อภัยโทษ”ทักษิณ ฝ่ายใดจะร้อนแรงกว่ากัน!