'รมช.กต.' แจงสภา นายกฯ ย้ำเร่งอพยพคนไทยในอิสราเอล หลังยอดตายพุ่ง21คน
2 สส. ตั้งกระทู้ถามสด สถานการณ์คนไทยในภาวะสู้รบอิสราเอล "รมช.กต." แจง นายกฯ สั่งเร่งอพยกคนไทยให้มากที่สุด หลังยอดตายพุ่ง21คน พร้อมย้ำภาวะสงครามมีข้อจำกัด แต่พร้อมเยียวยาเต็มที่
นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ ตอบกระทู้ถามสดต่อที่ประชุมสภาฯ ในประเด็นผลกระทบต่อแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลที่มีสถานการณ์สู้รบ ซึ่งตั้งถามโดย นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ว่าสถานการณ์ล่าสุด พบว่ามีคนไทยที่เสียชีวิต รวม 21 คน ซึ่งเป็นรายงานจากนายจ้าง ไม่ใช่คำยืนยันอย่างเป็นทางการจากประเทศอิสราเอล ทั้งนี้อิสราเอลขอเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้อิสราเอลจะเยียวยาจากเหยื่อสงคราม ขณะที่ผู้บาดเจ็บ ที่มี 14 คน เอกอัครราชทูตได้เข้าเยี่ยมแล้ว สำหรับผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อยจะถูกส่งตัวกลับไทย โดยจะมาถึงประเทศไทยในวันนี้ (12 ต.ค.) สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย เช่น เงินสงเคราะห์ 15,000 บาท กรณีพิการ 15,000 บาท กรณีทุพพลภาพ 30,000 บาท ค่าจัดงานศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริงหรือไม่เกิน 40,000 บาทเป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการเยียวยาทางจิตใจของครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบและสูญเสีย
“เมื่อคืน วันที่ 11 ต.ค. นายกฯ สั่งการมาที่ กระทรวงการต่างประเทศเพื่อหาช่องทางอพยพคนไทยออกมาจากพื้นที่ให้มากที่สุด ทั้งทางอากาศ น้ำ และทางบก แต่ภาวะสู้รบที่มีต่อเนื่องทำให้เป็นไปได้ยาก” นายจักรพงษ์ ชี้แจง
นายจักรพงษ์ ชี้แจงด้วยว่า สำหรับคนไทยที่ถูกลักพาตัวหรือจับเป็นตัวประกันมีทั้งสิ้น 16 คน โดยกระทรวงการต่างประเทศใช้ความพยายามเต็มที่สื่อสารไปยังกลุ่มฮามาส จับกุมคนไทยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่ปาเลสไตน์ไม่มีทูตประจำประเทศไทย ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศได้ได้ประสานทูตต่างชาติที่ประจำในไทยซึ่งมีความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ รวมถึงกลไกอาเซียนเพื่อให้ปล่อยตัว รวมถึงองค์กรนานาชาติ เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวกับมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ ให้ช่วยเหลือด้วย ทั้งนี้พบว่ามีคนไทยที่ได้รับผลกระทบประมาณ 5,000 คนจาก คนไทยในอิสราเอล 30,000 คน
ทั้งนี้นายจักรพงษ์ ยังได้ชี้แจงต่อกระทู้ถามของ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ซึ่งอ้างว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประสบภัยในประเทศอิสราเอลที่ต้องการอพยพออกจากพื้นที่ที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 7,000 คน เกี่ยวกับมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลไทย การจัดพื้นที่พักคอยที่ปลอดภัยเพื่อรอการอพยพ รวมถึงการเยียวยาผู้เสียหายและแรงงานที่ถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง ว่า การพูดคุยโทรศัพท์ตามที่อ้างว่าได้คุยกับแรงงาน ตนไม่ต่างกัน เพราะได้คุยกับเอกอัครราชทูตที่ดูแลพื้นที่ พบว่ามีการสู้รบต่อเนื่อง ตนห่วงคนไทยทุกคน รวมถึงข้าราชการไทยในสถานการณ์สู้รบ ที่ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดในพื้นที่ การขับรถต้องขออนุญาตจากอิสราเอล เพราะเคยมีกรณีที่ไม่ได้ขออนุญาตทำให้เกิดความเข้าใจผิดมาแล้ว
นายจักรพงษ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับประเด็นที่แรงงานถูกเอาเปรียบได้หารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อดูแลและแก้ปัญหา ทั้งนี้แรงงานในทั่วประเทศ 30,000 คน ได้ติดต่อเช่นกัน แต่แรงงานไม่พบว่าตนเองอยู่ในพื้นที่ไหน เนื่องจากถูกอพยพออกจากพื้นที่ สถานทูตไทยประจำอิสราเอล ใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ ด้วยเจ้าหน้าที่ที่จำกัดได้ส่งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อดูแลเหตุการณ์โดยรอบ สำหรับแรงงานคนไทยที่มี 30,000 คนอยู่ที่อิสราเอล ซึ่งในพื้นที่มีศูนย์อาร์ซี รับเรื่องร้องเรียนไว้และติดต่อไปยังแรงงานทุกคน
“กระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับหลายประเทศที่อยู่รอบด้านอิสราเอล แต่ขณะนี้พบว่าการเดินทางไปชายแดนประเทศต่างๆ มีความเสี่ยง แม้ทูตจะประสานอิสราเอลเพื่อขอรถเพื่อเคลื่อนย้าย แต่พบความเสี่ยงเช่นกันเนื่องจากสถานการณ์สู้รบ ยิงจรวดเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้ในพื้นที่เสี่ยงสูง อิสราเอลจะเป็นผู้ดำเนินการให้ออกมาจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย ทางการไทยได้สั่งการให้ตั้งศูนย์อพยพตั้งแต่วันแรกของเหตุการณ์ แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะมีอุปสรรคต่อการบริหารจัดการในพื้นที่และข้อจำกัด” นายจักรพงษ์ ชี้แจง