‘สมศักดิ์’ นำถก ‘กองทุนหมู่บ้าน’ ลั่น ตัวชี้วัดจากนี้ ปชช.ต้องหายจน หมดหนี้
“สมศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะ ถก คกก.กองทุนหมู่บ้านฯ ลั่น จากนี้งานต้องละเอียดขึ้น ต่อยอดนโยบายที่ปชช. ชื่นชอบตั้งแต่ยุค ”ทักษิณ“ ชาวบ้านต้องไม่เป็นหนี้ ระบุ ตัวชี้วัดจากนี้ ทำให้คนหายจน ต้องใช้เงินมีประสิทธิภาพ สั่ง ทำแอพฯ ช่วยให้เข้าถึงงาน 20 ล้านตำแหน่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ เข้าร่วมประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานกรรมการ พร้อมขอบคุณคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯทุกท่าน ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนงานจากนี้ โดยกองทุนหมู่บ้านนี้ ได้ตั้งมาหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะในสมัยอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการให้เงินกู้ยืม หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ดังนั้น จากนี้ เราจะทำให้ละเอียดมากขึ้น โดยจากที่ประชาชนเป็นหนี้ จะไม่เป็นหนี้อีก เพราะเราจะทำให้เงินลงทุน สามารถสร้างกำไรให้กับประชาชนได้
“ตัวชี้วัดกองทุนหมู่บ้านฯ จากนี้คือ จะทำอย่างไรให้คนหายจน โดยจะต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีดอกผล และอยู่ดีมีสุข ซึ่งผมคิดว่า ควรเอาแนวนโยบายดั้งเดิมมาสานต่อคือ ทำให้ประชาชนมีความสุข พร้อมช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โดยแนวนโยบายที่จะเดินต่อไป เราต้องยึดว่า จะลดหนี้สินได้เท่าไหร่ เพราะผมอยากให้คนหลุดพ้นจากความยากจน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งต้องทำเรื่องขึ้นทะเบียนคนที่สนใจเข้ามา ตนจึงขอมอบหมายให้กองทุนหมู่บ้านฯ ไปศึกษารายละเอียดว่าจะสามารถใช้แอพพลิเคชั่น ที่มีอยู่ของกองทุนหมู่บ้านได้หรือไม่ ซึ่งถ้าสามารถทำได้ ก็จะทำให้สามารถช่วยเกษตรกรได้ด้วย เพราะรัฐบาล ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำถึง 20 ล้านตำแหน่ง โดยทางกองทุนหมู่บ้านฯ ก็ได้รับไปศึกษาในรายละเอียดแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากผลักดันการสร้างอาชีพต่อ เพราะตัวอย่างผู้เข้าร่วมโครงการ ที่จังหวัดสุโขทัย แรกเริ่มกู้เงินไปจำนวน 3 หมื่นบาท แต่ปัจจุบันสามารถมีวัวแล้วถึง 9 ตัว ทำให้สามารถใช้หนี้ และเลี้ยงดูครอบครัวได้ โดยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ตนจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะสามารถช่วยเกษตรกรแก้หนี้สินได้ ส่วนในอนาคต ตนจะฝากให้รัฐบาล ไปเจรจากับจีน เพื่อซื้อวัวจากเรา ซึ่งจะทำให้วัวมีราคาแพงขึ้นทันที โดยตนเชื่อมั่นว่า ถ้าเราตั้งใจจริง ก็จะสามารถช่วยเกษตรกรแก้หนี้สินได้